วันนี้ (16 ก.ค.2562) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน ระบุว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 2 ของปี 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 น้อยกว่าไตรมาสแรก อยู่ที่ร้อยละ 6.4 ซึ่งถือว่าจีดีพีเติบโตต่ำที่สุดในรอบ 27 ปี นับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติครั้งแรก เมื่อปี 2535
มาร์ติน ไรเซอร์ ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศจีน เปิดเผยว่า ตัวเลขดังกล่าวอยู่ในกรอบที่ธนาคารโลกได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว เมื่อรัฐบาลจีนพยายามสร้างความสมดุลทางเศรษฐกิจ ย่อมส่งผลกระทบต่อตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ธนาคารโลกเชื่อมั่นว่าในช่วงครึ่งหลังของปี ตัวเลขทางเศรษฐกิจจะดีขึ้น
มาร์ติน ไรเซอร์
ด้าน เฉิน ซิงตง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารปารีส กล่าวว่า ประเทศจีนมีศักยภาพในการส่งเสริมการแข่งขัน ดึงดูดการลงทุนของต่างชาติ รวมถึงการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อดึงดูดการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา
เฉิน ซิงตง
ทั้งนี้ การทำสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาที่ยืดเยื้อมานานนับปี ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ จีนนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกาลดลงร้อยละ 7.3 และส่งออกลดลงร้อยละ 1.3 ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศของจีนก็มีผลต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจเช่นกัน
คณะกรรมาธิการปฏิรูปและการพัฒนาแห่งชาติได้ทำข้อเสนอในการปฏิรูปเศรษฐกิจของจีน ได้แก่ ภาครัฐจะต้องสนับสนุนภาคเอกชนและบริษัทขนาดเล็กให้เข้าถึงตลาดมากขึ้น สถาบันการเงินจะต้องปล่อยกู้ให้ภาคเอกชนและบริษัทขนาดเล็กง่ายขึ้น รวมถึงการประมูลงานภาครัฐจะต้องโปร่งใสและยุติธรรม
ส่วนอีกวิธีหนึ่งที่รัฐบาลจีนใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ คือการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ ด้วยการสร้างสาธารณูปโภค เช่น สร้างถนน รางรถไฟ ซึ่งประเด็นนี้มีการท้วงติงว่าการสร้างสาธารณูปโภคในบางพื้นที่ดูเหมือนจะแพงเกินไป และผลประโยชน์ที่ได้อาจจะไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ภาครัฐจ่ายไป