วันนี้ (1 ก.ย.2562) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เตรียมนำโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางพารา ระยะที่ 1 นำเสนอให้ ครม.พิจารณา หลังจากเชิญทุกภาคส่วนประชุมสรุปแผนการดำเนินงานเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนยางและลดผลกระทบให้แก่เกษตรกรกรณีราคายางพาราตกต่ำแล้ว
มาตรการจะมีระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 – กันยายน 2563 เกษตรกรชาวสวนยางที่เข้าร่วมโครงการต้องขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ก่อนวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา พื้นที่ 17,201,390.77 ไร่ เกษตรกร 1,412,017 คน และคนกรีดยาง 299,235 คน โดยรวมทั้งเกษตรกรที่ถือบัตรสีเขียวซึ่งพื้นที่มีเอกสารสิทธิ์และบัตรสีชมพูซึ่งเป็นพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ เพื่อช่วยเหลือชาวสวนยางที่เดือดร้อนจากการขายยางขาดทุนมากว่า 5 ปีอย่างทั่วถึง
ทั้งนี้ราคายางที่ประกันรายได้ ประกอบด้วย
- ยางแผ่นดิบคุณภาพดี 60 บาท/กิโลกรัม
- น้ำยางสด (DRC 100%) 57.00 บาท/กิโลกรัม
- ยางก้อนถ้วย (DRC 100%) 50.00 บาท/กิโลกรัม
โดยกำหนดปริมาณผลผลิตยางที่จะประกันรายได้เป็นยางแห้ง 20 กิโลกรัม/ไร่/เดือน ซึ่งเตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาจ่ายค่าชดเชยส่วนต่างจากการขายยางเมื่อเทียบกับราคาในโครงการประกันรายได้เป็น 3 กรณี ดังนี้
- รายละไม่เกิน 25 ไร่จะใช้งบประมาณ 26,627,343,816.59 บาท
- รายละไม่เกิน 20 ไร่จะใช้งบประมาณ 24,928,133,299.41 บาท
- รายละไม่เกิน 15 ไร่จะใช้งบประมาณ 22,280,417,136.65 บาท
นอกจากนี้ยังกำหนดให้เกษตรกรชาวสวนยางที่เข้าร่วมโครงการต้องปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นหรือเลี้ยงปศุสัตว์ร่วมในสวนยาง เป็นต้นเพื่อเพิ่มรายได้อย่างความยั่งยืน สำหรับการจ่ายเงินจะโอนเข้าบัญชีของเกษตรกรผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดย 2 เดือนจ่าย 1 ครั้ง สำหรับงบประมาณนั้น ธ.ก.ส.สำรองจ่ายไปก่อนและให้ ธ.ก.ส.เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณในปี 2564 ประกอบด้วย งบสำหรับการประกันรายได้ตามโครงการ งบชดเชยต้นทุนเงินต้น ธ.ก.ส.ค่าใช้จ่ายในการโอนให้เกษตรกร และค่าบริหารโครงการเหมาจ่าย 1% ของวงเงินชดเชยรายได้
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า กระบวนการดำเนินงานจะมี 4 ขั้นตอน คือ การประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์และผู้มีสิทธิ์แจ้งเข้าร่วมโครงการ การตรวจสอบสิทธิ์ กยท.ประมวลผลและรวบรวมข้อมูลส่ง ธ.ก.ส.และ ธ.ก.ส.โอนเงินเข้าบัญชีเกษตร แล้วแจ้ง กยท.ทราบ
อีกทั้งได้กำหนดเวลาดำเนินงานตามขั้นตอนต่างๆ โดยเริ่มประชาสัมพันธ์โครงการตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.นี้ และเงินจะถึงมือชาวสวนยางในวันที่ 15 ธ.ค.2562
โครงการประกันรายได้เป็นมาตรการช่วยเหลือระยะสั้นที่ต้องเร่งทำและทำควบคู่ไปกับมาตรการอื่นๆ ได้แก่ การเพิ่มการใช้ยางภายในประเทศ การลดพื้นที่ปลูกยาง ตลอดจนการสร้างให้ไทยเป็นตลาดกลางยางพาราของโลกเพื่อป้องกันการบิดเบือนราคาจากตลาดซื้อขายยางล่วงหน้าในต่างประเทศ จะทำให้ราคายางพาราขยับสูงขึ้นอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ได้วางมาตรการการใช้งบประมาณในโครงการนี้อย่างเคร่งครัดโดยแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำกับดูแล 4 คณะคือ คณะกรรมการบริหารโครงการฯ คณะทำงานกำหนดราคากลางอ้างอิง คณะกรรมการบริหารโครงการฯ ระดับจังหวัด และคณะทำงานระดับตำบลเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ เมื่อบอร์ด กยท.เห็นชอบแล้ว จะเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) แล้วนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.พิจารณาโดยเร็วที่สุด