ด้วยราคาค่าจ้างและรายได้ของการค้ายาเสพติดเป็นสิ่งล่อตาล่อใจของหลายคนที่เข้ามาอยู่ในวงการนี้ แม้จะต้องเสี่ยงกับการตรวจจับและอาชีพการงานของตัวเองก็ต้องยอมเสี่ยงกับรายได้ที่มาหาศาล "ยิ่งขนมากยิ่งได้มาก" ทำให้หลายคนที่เข้าไปอยู่ในวงการนี้ถึงกับตกหลุมจนขึ้นมาได้ยากหรือไม่ได้เลยก็มี
"ตำรวจ" หรือ "ผู้พิทักษ์สันติราษฏร์" ผู้ที่รับผิดชอบในการปราบปรามทุกสิ่งอย่างที่อยู่ในประเทศไทยนี้ตั้งแต่เรื่องครอบครัวไปยังเรื่องระดับชาติ ตำรวจเข้ามามีบทบาททั้งหมด และด้วยหน้าที่ชุดสืบสวนโดยเฉพาะชุดที่ปราบปรามยาเสพติด ยิ่งถูกจับตามองเป็นพิเศษทั้งคนทั่วไปและในวงการสีกากีด้วยกันเอง
ชุดปฏิบัติการพิเศษปราบปรามยาเสพติด หากจะเข้ามาอยู่ในชุดนี้ก็คงไม่ยากนัก แต่จะอยู่ได้นานอย่างไรไม่ให้ตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวกับ "ของกลาง" ที่มีมูลค่ามากกว่า "เงินเดือน" ของตัวเองไม่รู้กี่เท่าก็ทำให้ตำรวจหลายนายเข้าไปสู่วังวนนี้จนได้ชื่อว่า "ตำรวจค้ายา"
พ.ต.ท.สุรจิต ทาวุธ (สว.เบียร์)
ระดับ "สารวัตร" ค้ายาเหตุไม่มีเงิน-ถูกฟ้องล้มละลาย
พ.ต.ท.สุรจิต ทาวุธ อดีต สว.สส.กก.ภ.จว.อุทัยธานี หรือ สว.เบียร์ กลายเป็นผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจค้ายาเสพติดคนล่าสุดที่ถูกดำเนินคดีอยู่ตอนนี้ เขาถูกจับขณะที่นั่งรถโดยสารประจำทางจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย กลับเข้า กทม.เมื่อเช้ามืดวันที่ 11 ก.ย.2562 รถคันนี้ถูกเรียกตรวจที่ด่านตรวจถ้ำปลาขณะที่ยังไม่พ้นเขต อ.แม่สาย
ภาพจำลองการตรวจค้นบนรถประจำทาง
ที่นั่งหมายเลข 1A ที่นั่งอยู่หน้าสุดถูกตำรวจประจำด่านเรียกตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระที่อยู่ในช่องเก็บกระเป๋าด้านข้างรถ เมื่อตรวจสอบก็พบกระเป๋าสีดำใบหนึ่งถูกล็อกกุญแจอยู่จึงขอตรวจสอบ ระหว่างนั้น สว.เบียร์ ได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในพงหญ้าข้างทางทำให้ตำรวจสงสัยมากขึ้นอีกจึงวางกำลังเข้าไปจับตัวมาได้ เมื่อเปิดกระเป๋าก็พบกับยาบ้า 198,000 เม็ด ห่อด้วยฟอยล์ที่บรรจุในกระสอบอีกชั้น
ยาบ้า 198,000 เม็ด ที่ซ่อนในกระเป๋าเดินทาง
เขาตกเป็นผู้ต้องหาค้ายาบ้าทันที และนำตัวไปสอบสวนตลอดทั้งคืนจนรับสารภาพว่ารับจ้างมาจาก "โอ๊ต ไบเล่" นำยาจำนวนนี้ไปส่งให้กับเครือข่ายใน กทม.โดยได้ค่าจ้างเป็นเงิน 100,000 บาท และที่ต้องทำเพราะขณะนี้มีปัญหาเรื่องเงินจนถูกฟ้องล้มละลาย และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ประกาศการพิทักษ์ทรัพย์ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
ราชกิจจานุเบกษาประกาศพิทักษ์ทรัพย์
"สว.เบียร์" ถูกไล่ออกจากราชการ
แม้ว่าขั้นตอนการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงจะยังไม่แล้วเสร็จแต่ พล.ต.ท.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบช.ภ.6 ในฐานะผู้บังคับบัญชาของ สว.เบียร์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนี้ทันทีว่า ทราบประวัติของ สว.เบียร์มาสักพักแล้วว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจนถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน และให้ย้ายออกมาปฏิบัติราชการจาก บช.ภ.จว.อุทัยธานี ให้มาที่ ศปก.บช.ภ.6 แต่เรื่องสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จก็เกิดเรื่องนี้ขึ้นก่อน ผบช.ภ.6 จึงมีคำสั่งไล่ออกจากราชการทันที
ต้องเด็ดขาด ! ผมเคยบอกในที่ประชุมครั้งบอกไว้แล้วว่า หากตำรวจทำผิดเองก็ต้องรับโทษ 3 เท่า เพราะว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐทำผิดเอง เราไม่เลี้ยงอยู่แล้ว ส่วนความเชื่อมโยงกับคนอื่น ๆ กำลังให้ บก.สืบสวนตรวจสอบ ซึ่งเราเก็บความเชื่อมโยงต่าง ๆ ไว้แล้ว
พล.ต.ท.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบช.ภ.6
ตรวจสอบถึงเครือข่าย "ไบเล่"
พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รองผบช.ภ.5 เปิดเผยผลสอบ สว.เบียร์ว่า ผู้ต้องหาอ้างว่าก่อเหตุแบบนี้มาแล้ว 2 ครั้ง โดยเลือกใช้รถประจำทางในการขนส่งยาเสพติดเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อตรวจสอบถึงคนที่ซัดทอดไปถึงก็พบว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดที่ใช้ชื่อว่า "ไบเล่" ที่เป็นกลุ่มค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคกลางตอนบนในแถบ จ.นครสวรรค์ ที่หัวหน้าเครือข่ายคือนายสัญญา ศาลางาม หรือ "โอ๊ต ไบเล่"
พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รองผบช.ภ.5
เมื่อปรากฏชื่อ "โอ๊ต ไบเล่" อยู่ในเครือข่ายนี้ก็ทำให้มีการขยายผลตรวจสอบถึงการค้ายาเสพติดของเครือข่ายนี้จนพบคดีค้างเก่าที่เคยจับผู้ต้องหาไปแล้ว นั่นก็คือ นายโต นายโดม และนายเต้ ซึ่งเป็นผู้ค้ารายย่อยใน จ.นครสวรรค์ ถูกจับได้เมื่อเดือน มิ.ย.2561 การสอบสวนทั้ง 3 คนให้การซัดทอดว่ารับยาเสพติดมาจาก "โอ๊ต ไบเล่" ซึ่งในครั้งนี้ก็พบว่า "โอ๊ต ไบเล่" เป็นคนสั่งให้ "สว.เบียร์" ไปขนยาบ้ามาส่งให้
หลังจับ สว.เบียร์ได้ ก็มีการตรวจสอบพบว่ามีความเชื่อมโยงกับแก๊งไบเล่ ที่สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 6 และตำรวจภูธรภาค 6 ได้ทำข้อมูลความเชื่อมโยงไว้แล้ว และมี พ.ต.ท.พิเชษฐ หรือ สว.แย้ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งขณะนี้ตำรวจภูธรภาค 6 กำลังตรวจสอบความเชื่อมโยงทั้งหมดอยู่
แผนผังการขยายผลจับผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยที่รับยามาจาก
มีรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้มีการจับผู้ต้องหาในคดียาเสพติดแล้วผู้ต้องหาให้การซัดทอดว่า ยาเสพติดนี้เป็นของ "สว.เบียร์" เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกจับกุม และมีหลายครั้งที่จุดส่งมอบยาเสพติดของเครือข่ายนี้อยู่ที่เสาไฟหน้าหน่วยที่ทำงานของ สว.เบียร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาของ สว.เบียร์ ทราบเรื่องแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ !
"สว.เบียร์-โอ๊ต ไบเล่-สว.แย้" เชื่อมโยงกันอย่างไร
หากใครยังจำได้เมื่อกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา มีคดีที่สร้างความตกตะลึงที่เกิดขึ้นใน อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ป.ป.ส.ภาค 6 เข้าไปพร้อมพนักงานไปรษณีย์เพื่อไปส่งพัสดุที่บ้านหลังหนึ่งตามที่อยู่บนหน้ากล่อง ตามชื่อที่ส่งของบ้านหลังนั้นคือ "นายพิเชษฐ เสาแบน" แต่ที่บ้านติดป้ายใหญ่โตว่านี่คือบ้านของ "พ.ต.ท.พิเชษฐ เสาแบน" และเมื่อแกะกล่องพัสดุก็พบยาอี 50 เม็ด และไอซ์ 51.3 กรัม แต่เจ้าของกล่องนี้ไม่อยู่บ้าน มีเพียงแม่และพ่อของเขา และแม่ก็ยืนยันว่า ลูกชายไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งหมดนี้
ขณะนั้นสว.แย้ ได้ย้ายไปประจำการอยู่ที่ บก.ทท.2 ที่ จ.เชียงใหม่ ในตำแหน่ง สว.กก.2 ได้ไม่นานก่อนที่จะพัสดุกล่องนี้ส่งมาที่บ้าน และเขาเคยอยู่ในชุดปราบปรามยาเสพติดของตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร นั่นคือเหตุผลหนึ่งที่ สว.แย้ อ้างกับทุกคนว่าถูกกลั่นแกล้งจากกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดที่เคยเข้าไปจับกุมมาก่อนหน้าจึงส่งยามาที่บ้านเพื่อกลั่นแกล้ง พร้อมยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งหมดนี้
พ.ต.ท.พิเชษฐ เสาแบน (สว.แย้)
"สว.แย้" ให้ปากคำกับคณะพนักงานสอบสวนครั้งแรก
สว.แย้ ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามขั้นตอนและเรียกเข้ามาสอบสวนถึงเหตุการณ์ทั้งหมด เขาได้ให้โทรศัพท์มือถือกับคณะกรรมการฯตรวจสอบแต่ก็ไม่พบข้อมูลอะไรมากและยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ "สว.แย้" เข้าพบพนักงานสอบสวนและเรื่องราวก็เงียบไปประมาณ 3 เดือน ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้
แล้วทั้ง 3 คนจะเกี่ยวข้องอะไรกัน ? ในเมื่อ สว.แย้ อ้างว่าเรื่องนี้ถูกกลั่นแกล้ง แต่หากแผนผังนี้ถูกเขียนถึงความเชื่อมโยงของทั้ง 3 คนเข้าด้วยกันก็จะพบดังนี้
แผนผังความเชื่อมโยงระหว่าง สว.เบียร์-โอ๊ต ไบเล่-สว.แย้
ป.ป.ส.ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอดำเนินคดี "สว.แย้"
หากดูเรื่องความเชื่อมโยงของทั้ง 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดคงจะพอมองเห็นได้ว่ามีความเชื่อมโยงกันอยู่ แต่ทางฝั่งของ สว.แย้ เป็นเพียงการถูกส่งยาเสพติดมาให้ที่บ้านเท่านั้นซึ่งก็อาจเป็นไปได้ว่าถูกกลั่นแกล้ง แต่ข้อมูลการสืบสวนพบว่าทั้ง 3 คน เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่อยู่ จ.นครสวรรค์ และทั้ง 2 คน ยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.60 ด้วยกันอีก จึงเป็นไปได้ว่าทั้งหมดจะต้องเคยรู้จักพูดคุยกันมาก่อน
นายวิชัย ไชยมงคล รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า ความสนิทสนมของทั้ง 3 คน หรือการเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน ถึงแม้ว่าจะเคยพูดคุยกันก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าพวกเขาจะกระทำผิดร่วมกันหรือไม่ แต่การตรวจสอบโทรศัพท์มือถือแค่เบื้องต้นก็พบว่า มีข้อมูลบางส่วนถูกลบทิ้งไป
นายวิชัย ไชยมงคล รองเลขาธิการ ป.ป.ส.
แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบความเชื่อมโยงว่าสารวัตรแย้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีเพียงการตรวจสอบบัญชีธนาคารที่สารวัตรแย้ อ้างว่ารับโอนเงินมาจากลูกค้าที่เช่าซื้อพระเครื่องด้วยกัน แต่เมื่อตรวจสอบก็พบว่ามีการโอนเงินครั้งละหลักพันถึงหมื่นบาท และโอนเข้ามาหลายครั้ง ซึ่งเมื่อตรวจสอบชื่อบัญชีที่โอนเงินเข้ามาก็พบว่าเป็นผู้ที่มีประวัติคดียาเสพติด แต่ สว.แย้ บอกว่าเป็นเงินค่าเช่าซื้อพระเครื่องที่ตัวเองทำธุรกิจนี้อยู่ หลักฐานนี้ก็ยังไม่เพียงพอที่จะสามารถดำเนินคดีได้
รองเลขาธิการ ป.ป.ส.ยังบอกว่าข้อมูลของเครือข่าย "แก๊งไบเล่" ทาง ป.ป.ส.ก็มีข้อมูลอยู่เช่นกันและพบว่า ผู้ที่จะมารับยาเสพติดจากกลุ่มนี้ไปขายจะต้องนำบัตรประชาชนมาแลกไว้ก่อนโดยที่ไม่ต้องจ่ายเงิน ทำให้กลุ่มนี้นำบัตรประชาชนของคนที่นำยาไปขายไปใช้ประโยชน์ในขณะที่ส่งยาเสพติดผ่านพัสดุที่ต้องใช้บัตรประชาชนในการแสดงชื่อผู้ส่งก่อนหลายครั้งจึงพบว่าบัตรประชาชนไม่ตรงกับคนส่ง
เช่นเดียวกับคดีของ สว.แย้ ที่มีพัสดุส่งมาที่บ้านในอ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ที่พบว่าชื่อผู้ส่งคือ นายพนมทวน แซ่หวาง แต่เมื่อไปตรวจสอบแล้วก็พบว่าคนที่ส่งจริงคือ นายอนุศักดิ์ มิ่งเมือง และถูกจับดำเนินคดีไปแล้ว โดยอ้างว่า ผู้ที่ส่งยาเสพติดพร้อมรายชื่อมาให้คือ นายสัญญา ศาลางาม หรือ "โอ๊ต ไบเล่" นั่นเอง
กล่องพัสดุที่บรรจุยาเสพติดไปที่บ้านของ สว.แย้ ในจ.นครสวรรค์
ความท้าทายของการดำเนินคดีของเครือข่ายนี้นี้คงไม่ใช่เพียงดำเนินคดีกับตำรวจที่ค้ายาเสพติดทั่วไป ถึงแม้ว่าตำรวจหนึ่งคนจะถูกจับพร้อมของกลางและถูกไล่ออกจากราชการไปแล้ว แต่ "สว.แย้" ที่ยังอยู่ในคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของ บช.ภ.6 ที่เริ่มทิ้งเวลายาวนานกว่า 3 เดือนมาแล้ว
หรือเพราะอยู่ในช่วงเตรียมโยกย้ายของผู้บังคับบัญชาที่หากสืบไปแล้วจะ "ปูด" ความลับมาอีกหลายอย่าง ทำให้ยังไม่สรุปข้อเท็จจริงในคดีนี้เสียที จะทำให้ ผบ.ตร.ลงมาจับคดีนี้ส่งให้ บช.ปส.ในฐานะหน่วยงานกลางที่มีข้อมูลเครือข่ายค้ายาเสพติดจำนวนมากเป็นแม่งานสืบคดีนี้ต่อหรือไม่ เฉกเช่นที่เคยบอกว่า "เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ เพราะคนทำผิดเป็นผู้รักษากฎหมายเสียเองและขอยืนยันว่าจะไม่มีการปกป้องตำรวจ ที่กระทำความผิดกฎหมายอย่างแน่นอน"
เบญจพจน์ ทิพย์กมลแสง ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส
อ่านข่าวเพิ่มเติม
แตกประเด็นข่าว : ตอนเสือสิ้นลาย
จับสว.สืบอุทัยธานีขนยาบ้าเกือบ 2 แสนเม็ด
ยังไม่มีหลักฐาน "สว.แย้" เกี่ยวข้องยาเสพติด