วันนี้ (26 ก.ย.2562) กรณีที่กลุ่มอนุรักษ์นกเงือกได้เรียกร้องให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช ประกาศให้นกชนหิน สัตว์ป่าคุ้มครอง เป็นสัตว์ป่าสงวนของไทยในลำดับที่ 20 เนื่องจากพบปัญหาการลักลอบล่าตัดหัวนก เพื่อนำไปขายในประเทศจีน ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษารายงานการค้าขายนกชนหินและนกเงือกผ่านทางออนไลน์ ขององค์กรทราฟฟิก TRAFFIC ที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อเดือนส.ค.นี้
ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์นายสัตวแพทย์เกษตร สุเตชะ นายกสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย และ นายสัตวแพทย์ ประจำโรงพยาบาลสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ขณะนี้สถานภาพของนกชนหิน ซึ่งเป็น 1 ใน 13 ชนิดของกลุ่มนกเงือกในไทย อยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วง คาดว่าจะมีประชากรประมาณ 100 ตัว โดยพบการกระจายพันธุ์ในเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าฮาลาบาลา จ.นราธิวาส อุทยานแห่งชาติบางลาง จ.ยะลา อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี และอุทยานแห่งชาติเขาสก จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเดิมมีผลกระทบจากป่าที่ถูกตัดขาดเป็นสวนปาล์มแล้ว
ภาพ:นายสัตวแพทย์เกษตร สุเตชะ
นายสัตวแพทย์เกษตร กล่าวว่า ล่าสุดยังมีสถานการณ์ลักลอบล่าตัดหัวนกชนหิน เพื่อการค้าขายผ่านออนไลน์ ซึ่งเพิ่งมีการจับล็อตใหญ่จำนวนกว่า 70 หัวที่อินโดนีเซีย จุดเริ่มต้นล่ากันหนักมากมีรายงานที่อินโดนีเซียมากถึง 6,000 หัวและเริ่มลามมาที่มาเลเซีย และป่าทางชายแดนภาคใต้ของไทย
ทั้งนี้ แนวโน้มการลักลอบล่าตัดหัวนกเงือกรุนแรงขึ้น หลังจากไซเตสห้ามนำเข้างาช้างแอฟริกาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึงไทย เนื่องจากจงอยปากของนกชนหิน มีคุณลักษณะที่เทียบเท่ากับงาช้าง เพราะจงอยปากที่มีสีเหลืองและแดงจะตันแข็ง ขณะที่นกเงือกชนิดอื่นจงอยจะเป็นโพรง ทำให้ถูกนำไปใช้ในการทำตราประทับ เครื่องตกแต่ง กำไล สร้อย ทดแทนงาช้าง
เดิมใช้งาช้างมาทำตราประทับ เครื่องประดับ สร้อย กำไล แต่ตอนนี้นกชนหินเป็นเหยื่อแทนเพราะจงอยปากที่มีเนื้อเป็นสีเหลืองแดงคล้ายกับน้ำผึ้ง ถือเป็นสีมงคล ทำให้มีความนิยมสูงมาก นกจะถูกล่าตัดหัวทั้งตัวผู้ ตัวเมีย ราคาแพงกว่างาช้าง 5 เท่าหรือราคา 250,000 บาท
ภาพ: องค์กร TRAFFIC
ห่วงใบสั่งลามป่าชายแดน-ช่องว่างดูแลพื้นที่
นายกสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย กล่าวอีกว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วง และกลุ่มนักอนุรักษ์นกนำโดย นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ นายปรีดา เทียนส่องรัศมี มูลนิธินกเงือก ได้เริ่มพูดคุยกันเพื่อหาทางออก เพราะขณะนี้ป่าที่นกชนหินอาศัยอยู่นั้น ยังมีช่องว่างเรื่องปัญหาความมั่นคงทำให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เจ้าหน้าที่จะเข้าไปลาดตระเวนยังไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง ประกอบกับมีรายงานในพื้นที่เรื่องใบสั่งการล่าตัดหัวนกชนิดนี้มาแล้ว และใช้เส้นทางการลักลอบผ่านทางแม่น้ำโขงไปปลายทาง
นกชนหินมีเพียง 5 ประเทศ คือเมียนมา มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน และสิงคโปร์ ที่คาดว่าจะสูญพันธ์ุ์แล้ว เนื่องจากมีผู้ซื้อไม่อั้นให้ราคาแพงลิ่ว จึงเรียกร้องให้ไทยมีมาตรการเชิงรุก และต้องใช้กฎหมายเด็ดขาด เพราะห่วงว่าคนล่าที่ไม่มีความรู้ถ้าล่านกเงือกชนิดอื่นจะตายฟรี
ภาพ:นายสัตวแพทย์เกษตร สุเตชะ
ประทับใจชีวิตนก-เริ่มเจอตัวยาก
นายสัตวแพทย์เกษตร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ในปี 2545 เคยถ่ายภาพนกชนหินได้ในพื้นที่ป่าภาคใต้ ซึ่งต้องใช้เวลานานถึง 7-8 ปี กว่าจะเจอรังและเข้าถึงเพื่อถ่ายรูปได้ ซึ่งครั้งนั้นประทับใจที่ได้เห็นนกชนหินเป็นฝูงกินลูกไทรสุก มีทั้งพ่อแม่นก แต่ในช่วง 10 ปีจนจนถึงตอนนี้การที่จะเจอเสียงร้อง และเห็นนกชนหินบินผ่านยังเป็นเรื่องยาก
นกชนหินอยู่เป็นคู่ ตัวผู้จะบินไปหาอาหารให้ตัวเมียที่เลี้ยงลูกในโพรงสูงของต้นไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งพ่อจะต้องบินไปกลับเป็นเวลา 6 เดือนหากพ่อถูกฆ่าตาย แม่ลูกก็จะตายด้วย
ความสวยงามความล้ำค่าและความอุตสาหะของนกชนหินที่ต้องใช้ชีวิตรอดจนอยู่ได้มาถึง 2 ล้านปีถือเป็นความยิ่งใหญ่มาก และยังรู้สึกประทับใจทุกครั้งที่นึกถึงภาพที่เคยไปถ่ายนกชนหินเมื่อหลายปีก่อน
หมอหม่อง โพสต์เลื่อนสถานะคุ้มครอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ โพสต์เฟซบุ๊ก Rungsrit Kanjanavanit เรียกร้องให้อนุรักษ์นกชนหิน ต้องการการปกป้องจากพวกเราโดยด่วน นกชนหิน เป็นนกเงือกสายพันธุ์โบราณ มีลักษณะโดดเด่นต่างกับนกเงือกอื่น คือมีโหนกตันคล้ายงาช้าง ซึ่งกลายเป็นความต้องการของตลาดนักสะสม นกชนหินจึงมีราคาค่าหัว ถูกไล่ล่าจนใกล้สูญพันธุ์
ในประเทศไทย เหลือนกชนหิน ดำรงเผ่าพันธุ์อยู่เพียงประปรายในป่าดิบภาคใต้ ที่ผ่านมาใบ order ยังมาไม่ถึงเมืองไทย เพราะการล่าที่อินโดนีเซีย ทำได้ง่ายกว่าแต่ปัจจุบันนกชนหิน แทบจะหมดไปจาก บอร์เนียว และพื้นที่อื่นๆ ที่เคยพบชุกชมความต้องการทางตลาดจึงพุ่งเป้า มาที่ นกชนหินบ้านเรา
ภาพ:นายสัตวแพทย์เกษตร สุเตชะ
ขณะนี้เริ่มมีการขบวนการล่านกชนหินอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ บูโดสุไหงปาดี จ.นราธิวาส กำลังเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่เพียงน้อยนิด อาจไม่สามารถป้องปรามภัยคุกคามนี้ได้
ขอพวกเราช่วยกันส่งเสียงเรียกร้องให้มีการระดมกำลังทรัพยากรในการเข้าปรามปรามขบวนการล่า ค้า นกชนหินอย่างเด็ดขาด ทั้งวงจรทั้งในพื้นที่ จนถึงเครือข่ายออนไลน์ ใต้ดิน
ผมใคร่ขอความกรุณาจากผู้บริหารระดับสูง กระทรวงทรัพย์ ใส่ใจวาระนี้อย่างเร่งด่วน ก่อนเราสูญเสีย มรดกธรรมชาติอันมีค่านี้ของชาติและของโลก ไปตลอดกาล ส่วนหัวที่มีความแข็งของนกเงือกชนหิน เป็นที่ต้องการในบางประเทศแถบเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีน สำหรับทำเครื่องประดับ นกชนหินอยู่ในบัญชีหมายเลข 1 ของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ตั้งแต่ปี 2518 ความต้องการที่มากขึ้นนำไปสู่การลักลอบค้าที่มากขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
"นกชนหิน" ถูกล่าตัดหัว สังเวยค่านิยมเครื่องประดับ