วันนี้ (28 พ.ย.2562) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตรายชุดใหม่ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมว่า วันนี้จะมีมติเรื่องชัดเจนเรื่องแบนสารเคมี 3 ชนิดหรืออาจจะมีมติอย่างอื่นตามที่มีการเรียกร้องหรือไม่ ซึ่งยังยืนยันว่าจะผลสรุปออกมาแน่นอน แต่จะแบบไหน ให้รอฟัง พร้อมรับข้อเสนอของทุกหน่วย มาประมวลประกอบการตัดสินใจ
ขอฟังข้อมูลก่อน และจะเห็นภาพรวมว่าเราจะมีการเลื่อนการแบนหรือไม่ หากจะแบนสารเคมี ปัจจัยเรื่องแนวทางการจัดการสารเคมีที่มีการลงทุนไปแล้ว และอยู่ในสต็อก จะจ่ายชดเชยอย่างไร และถ้ามีสารตัวไหนมาทดแทนที่มีประสิทธิภาพ เกษตรกรรับได้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะให้ข้อมูล
ไม่หนักใจเรื่องนี้ต้องให้ชัดเจนตอบโจทย์สังคม เกษตรกร และความห่วงใยเรื่องสุขภาพ ถ้ามีการแบนแล้วสินค้าต่างๆ อาจจะมีราคาเพิ่มหรือไม่ วันนี้จะได้แนวทางที่ชัดเจน ว่าจะมีมติอะไรออกมา รวมทั้งเรื่องการชดเชย
แจงค่าชดเชยกว่า 33,417 ล้านบาท
ด้านนายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร หรือ สศก. กล่าวว่า สศก.ในฐานะคณะทำงานพิจารณาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกใช้สารเคมี ได้รวบรวมข้อมูลผลกระทบเกษตรกรและภาคเอกชน โดยจะมีผลกระทบกับการนำเข้าและส่งออกพืชที่เป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์ เช่น ถั่วเหลือง ข้าวสาลี มูลค่าหลายแสนล้านบาท ซึ่ง สศก.จะนำข้อมูลเสนอปลัดกระทรวงเกษตรฯ เพื่อรายงานต่อคณะกรรมการวัตถุอันตราย
มีรายงานว่า กระทรวงเกษตรฯ จะเสนอข้อมูล ให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายพิจารณาผลกระทบการยกเลิกใช้สารเคมีการเกษตร 3 ชนิด ซึ่งสรุปรวมค่าชดเชย 33,417 ล้านบาท โดยมีเกษตรกรได้รับผลกระทบ 600,000 ราย แบ่งเป็น พาราควอตและไกลโฟเซต คิดเป็นค่าชดเชย 32,867 ล้านบาท ครอบคลุมเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมันและไม้ผล ในขณะที่คลอร์ไพริฟอส มีค่าชดเชย 550 ล้านบาท ซึ่งเงินชดเชยดังกล่าวเป็นหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรในการดำเนินการ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
กก.วัตถุอันตราย รื้อข้อมูล-ถกขยายเวลาแบน 3 สารพิษ พรุ่งนี้