วันนี้ (25 ธ.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับนายอดิศัย โพธารามิก ฐานเป็นตัวการร่วมกับผู้กระทำความผิดจำนวน 4 ราย กรณีสร้างราคาหุ้น JAS ระหว่างวันที่ 13 พ.ย.2558 ถึงวันที่ 11 มี.ค.2559 ที่ ค.ม.พ.ได้มีมติให้ ก.ล.ต.ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากปรากฏพฤติการณ์ที่นายอดิศัยร่วมรู้เห็นตกลงกันกับผู้กระทำความผิดรายอื่นในการใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์รวม 4 บัญชี ซื้อขายหุ้น JAS ในลักษณะพยุงราคาและทำราคาปิด โดย ค.ม.พ.กำหนดให้นายอดิศัยชำระค่าปรับทางแพ่ง 500,000 บาท
การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามมาตรา 243 (1) ประกอบมาตรา 244 และมาตรา 243 (2) แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะกระทำความผิด ซึ่งปัจจุบันการกระทำดังกล่าวยังคงเป็นความผิดตามมาตรา 244/3 และมีระวางโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 และมาตรา 296/2 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. หลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2559 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
ทั้งนี้ หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ.กำหนด ก.ล.ต.จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องเป็นคดีต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่งตามอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด
อนึ่ง การที่ ค.ม.พ.ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด เป็นเหตุให้ผู้กระทำความผิดดังกล่าว เข้าข่ายเป็นผู้มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต.ที่ กจ. 3/2560 เรื่อง การกำหนดลักษณะขาดความน่าไว้วางใจของกรรมการและผู้บริหารของบริษัท ลงวันที่ 23 ม.ค.2560 ด้วย ซึ่ง ก.ล.ต.จะพิจารณาเมื่อบุคคลดังกล่าวเข้ามาเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน