“ขอให้ท่านนายกฯ ยืนขึ้นและเปล่งเสียงอย่างนี้ ข้าพเจ้าขอยุบสภา แล้วลองกลับไปเลือกตั้งกันใหม่ ว่าพี่น้องประชาชนเข้าจะให้โอกาสท่านกลับมาบริหารประเทศหรือเปล่า” น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย นำทีมฝ่ายค้าน ใช้โทรศัพท์มือถือเปิดไฟฉายส่องสว่าง ระหว่างการอภิปรายไม่วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ข้อกล่าวหาความยาว 28 บรรทัด โจมตีพฤติกรรมไม่ยึดมั่นและศรัทธาต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยฯ ล้มล้างรัฐธรรมนูญ ละเมิดหลักนิติธรรมและสิทธิเสรีภาพ กร่างเถื่อน มองคนเห็นต่างเป็นศัตรู มุ่งสืบทอดอำนาจ บริหารราชการแผ่นดินโดยขาดความรู้ความสามารถ ขาดคุณธรรม จริยธรรม ให้ความสำคัญกับการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์มากกว่าปัญหาเศรษฐกิจ ล้มเหลวในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เศรษฐกิจ ภัยแล้ง ราคาพืชผลการเกษตร มลพิษทางอากาศ
ลงรายละเอียดทั้งการแก้ไขปัญหาไวรัสCOVID -19 , พฤติกรรมระหว่างการลงพื้นที่ติดตามเหตุกราดยิง จ.นครราชสีมา การซื้อขายที่ดิ 50 ไร่ ย่านบางบอนของบิดา ให้กับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับทุนใหญ่ และถูกฝ่ายค้านเชื่อมโยงกับการแก้ไขสัญญาบริหารพื้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 50 ปี, ปฏิบัติการด้านข้อมูลข่าวสาร (IO, Information Operation) เพื่อตอบโต้ผู้เห็นต่าง
มีเพียงปมการถวายสัตย์ปฏิญาณเท่านั้น ซึ่งถูกข้อตกลงร่วม 3 ฝ่าย และการตัดสินใจของประธานในที่ประชุม ระงับยับยั้ง ไม่ให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยได้อภิปรายนับตั้งแต่บ่ายวันที่ 24 ก.พ.จนถึงบ่ายวันที่ 26 ก.พ.คือช่วงเวลาที่ฝ่ายค้านมุ่งเน้นตั้งคำถาม “พล.อ.ประยุทธ์” ทั้งที่ยังเหลือรัฐมนตรีอีกถึง 5 คน กับเวลาอันเหลือน้อยลงเต็มที ย่อมสะท้อนว่าเป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียว นอกนั้นเผื่อเหลือเผื่อได้กำไร
แสงไฟจากโทรศัพท์ของ ส.ส.เกิดขึ้นตามหลังการชุมนุม “แฟลชม็อบ” ของนิสิตนักศึกษาหลายสถาบัน พร้อมแฮชแท็กสร้างสีสันและความตื่นตัวทางการเมือง โดยเฉพาะหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ พร้อมตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี พร้อมกระแสข่าวว่า ส.ส.ที่เหลืออยู่ บางส่วนจะย้ายไปเติมเสียงให้กับรัฐบาล
วาทกรรมการเมือง “สลิ่ม” ปรากฏในบางช่วงบางส่วนของกิจกรรม ถูกกล่าวหาเป็นหนึ่งในตัวการ และไม่ต้องการให้พื้นที่กับมันอีก อาจนับเป็นปรากฏการณ์ เมื่อคนรุ่นใหม่รุ่นเก่ามารวมตัวกัน แถมยังไม่ใช่การติดตามศิลปินดารา, ต่อแถวรอซื้อสินค้า หรือร่วมงานเปิดตัวโทรศัพท์สมาร์ตโฟน เพียงแต่งานนี้ ยังมีเฉดสีหนึ่งถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง เฉดสีที่ไม่ได้ถูกผู้คนกลางแสงไฟมาสวมกอดยามถูกยุบพรรค เฉดสีไม่ได้มีผู้คนกลางแสงไฟมารวมตัวเรียกร้องความเป็นธรรม
จตุพร พรหมพันธ์ ประธาน นปช.ระบุว่าที่ผ่านมาเคยเตือนนักการเมือง ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมของคนรุ่นใหม่ เพราะจะทำให้เจตนาบริสุทธิ์นั้นมัวหมองไป แต่ท่ามกลางแสงไฟสาดส่องนี้ ยากที่ใครจะเชื่อและทำตามคำแนะนำของประธาน นปช. เพราะนี่นับเป็นโอกาสดี หากใครบางคนจะช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง หรือแม้แต่การชุบฟอกตัว เพื่อกลับสู่ถนนสายเดิม
เรื่อง : จตุรงค์ แสงโชติกุล