เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2563 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส แจ้งข้อมูลสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 ในประเทศฝรั่งเศส โดยมีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสสะสม 151 คน มีผู้เสียชีวิต 3 คน รักษาหายแล้ว 12 คน และที่เหลือยังอยู่ในโรงพยาบาล
ทั้งนี้ พบผู้ติดเชื้อใน 12 แคว้น จากทั้งหมด 18 แคว้น โดยแคว้น Ile-de-France, Auvergne-Rhône-Alpes และ les Hauts-de-France พบผู้ป่วยติดเชื้อมากกว่า 10 คน นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดมากกว่าที่อื่นๆ ในฝรั่งเศส จำนวน 3 พื้นที่ ได้แก่ จังหวัด Oise, Haute-Savoie และ Morbihan ซึ่งมีผู้ป่วยติดเชื้อรวม 72 คนในพื้นที่ดังกล่าว เป็นผลให้ฝรั่งเศสเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดของไวรัสเป็นอันดับ 2 ในยุโรป รองจากอิตาลี
ยกระดับป้องกัน-ชะลอการระบาด
รัฐบาลฝรั่งเศสได้จัดการประชุมคณะรัฐมนตรี และสภาการป้องกันประเทศวาระพิเศษ เมื่อวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า ฝรั่งเศสเข้าสู่ภาวะของการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ระยะที่ 2 แล้ว ซึ่งเริ่มมีการแพร่ระบาดและติดเชื้อภายในประเทศ จึงได้ยกระดับมาตรการป้องกันและชะลอการแพร่ระบาด โดยให้ปิดสถานศึกษาจนถึงวันที่ 14 มี.ค.นี้ ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเป็นอย่างมากใน 13 เมือง พร้อมห้ามชุมนุมและขอให้ประชาชนจำกัดการเดินทางออกนอกที่พัก ตรวจวัดอุณหภูมิตนเองวันละ 2 ครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสยังไม่มีมาตรการปิดเมืองหรือห้ามคนเข้า-ออกจากพื้นที่ดังกล่าว
นอกจากนี้ยังประกาศให้ยกเลิกการจัดการชุมนุมทั่วประเทศ ที่มีผู้เข้าร่วมในพื้นที่ปิดมากกว่า 5,000 คน เช่น งานเกษตรแฟร์ งานมหกรรมหนังสือ งานวิ่งมาราธอนที่กรุงปารีส แต่ยังคงให้มีการจัดการแข่งขันฟุตบอล รวมถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศในวันที่ 15 และ 22 มี.ค.นี้ พร้อมย้ำให้ประชาชนงดเว้นการทักทายโดยการจับมือ ขณะที่การซื้อหน้ากากอนามัยต้องมีใบสั่งจากแพทย์จึงจะสามารถซื้อได้ เพื่อป้องกันไม่ให้หน้ากากอนามัยขาดตลาดสำหรับบุคคลที่มีความจำเป็นต้องใช้
รัฐบาลฝรั่งเศสยังได้ประกาศให้บุคคลที่เดินทางกลับมาจากแคว้น Emilia-Romagna ของอิตาลี ต้องดูแลอาการตนเองเป็นพิเศษ 14 วัน ให้อุณหภูมิวันละ 2 ครั้ง ไม่ไปที่สาธารณะโดยไม่จำเป็น และสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งถือเป็นการประกาศเพิ่มเติมจากจีน ฮ่องกง มาเก๊า เกาหลีใต้ สิงคโปร์ อิหร่าน แคว้น Lombardie และ Venetia ของอิตาลี
ด้านนาย Bruno Le Maire รมว.เศรษฐกิจและการคลัง แถลงว่า อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสจะได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 มากกว่าร้อยละ 0.1 เนื่องจากทุกประเทศในยุโรปได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเช่นกัน แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุตัวเลขที่แน่นอนได้
ห้ามไปพื้นที่เสี่ยง-ห้ามไปต่างประเทศ
บริษัทเอกชนหลายแห่ง ออกมาตรการห้ามพนักงานเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง อาทิ BNP Paribas, Société Générale, และ Accor และบางแห่งห้ามพนักงานเดินทางไปต่างประเทศ อาทิ l’Oréal และ Nestlé
ขณะที่องค์การยูเยสโก (UNESCO) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงปารีส ประกาศยกเลิกจัดการประชุมและสัมมนาในเดือน มี.ค.นี้ เว้นแต่จะสามารถหาวิธีการจัดการประชุมในรูปแบบดิจิตัลได้ แต่ยังคงจัดการประชุมที่เกี่ยวกับงานบริหารขององค์กร และเลื่อนการจัดประชุมระหว่างประเทศในเดือน มี.ค.ออกไปก่อน
นอกจากนี้ยังห้ามไม่ให้ผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยง (จีน ฮ่องกง มาเก๊า เกาหลีใต้ สิงคโปร์ อิหร่าน แคว้น Lombardy, Venetia, Romagna, Liguria ของอิตาลี) เข้าพื้นที่ที่ทำการของยูเนสโก จนกว่าจะพ้นระยะเวลา 14 วันหลังเดินทางกลับมาถึงฝรั่งเศส
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สัญญาณดี! จีนแถลงผู้ป่วย COVID-19 ส่อเค้าลดลง
นักท่องเที่ยวจีนในฝรั่งเศส เสียชีวิตจาก COVID-19 คนแรกนอกเอเชีย
COVID-19 แพร่กระจายเกือบทุกภูมิภาคของโลก