วันนี้ (5 มี.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายพนม ศรศิลป์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, นายบุญเลิศ โสภา อดีตผู้อำนวยการกองพุทธศาสนศึกษา จ.ลำปาง, นายแก้ว ชิดตะขบ อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนศึกษา, นางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการกองพุทธศาสนศึกษา, นายเอื้อน กลิ่นสาลี หรือ อดีตพระพรหมดิลก เคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสามพระยา และเป็นอดีตกรรมการมหาเถรสมาคม รวมถึงเคยเป็นเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เป็นจำเลยที่ 1-5 ในคดีทุจริตการจัดสรรงบในส่วนอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาประจำปีงบประมาณ 2557 วงเงิน 5 ล้านบาท
จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษให้
เมื่อถึงเวลานัด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เบิกตัวนายพนม, นายบุญเลิศ, นายแก้ว และนางพรเพ็ญ มาจากเรือนจำฯ เพื่อฟังคำพิพากษา ศาลพิเคราะห์หลักฐานข้อเท็จจริงแล้วว่า จำเลยที่ 1-4 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พิพากษาให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน แต่จำเลยที่ 1,3 ,4 ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุก 12 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 9 เดือน
ส่วนจำเลยที่ 5 ศาลพิพากษาตามความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงาน มีความผิดโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 12,000 บาท แต่ในขณะนำสืบให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุก 8 เดือน ปรับ 8,000 บาท แต่เนื่องจากจำเลยเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมพระพุทธศาสนา และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ จึงมีคำสั่งให้รอลงอาญา 1 ปี ส่วนคำขออื่นมีคำสั่งให้ยก
สั่งจำเลยทั้ง 5 ชดใช้เงิน 5 ล้านคืน พศ.
คดีนี้ โจกท์ยื่นฟ้องจำเลยในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ, ทำ, จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่น โดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารฯ ทำการรับรองหลักฐานเป็นเท็จ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 162 ประกอบมาตรา 83, 86
โดยอัยการโจทก์ มีคำขอท้ายฟ้อง ขอให้ศาลสั่งจำเลยทั้งห้า ร่วมกับนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่อยู่ระหว่างหลบหนี ชดใช้เงิน 5 ล้านบาทคืนให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และให้นับโทษอดีตพระพรหมดิลกในคดีร่วมกันฟอกเงิน 5 ล้านบาท จากการทุจริตงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในส่วนอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมทั้งที่ไม่มีการดำเนินโครงการ และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกอดีตพระพรหมดิลก รวม 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา ไปเมื่อวันที่ 16 พ.ค.2562 โดยคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์