จากคดีร่วมล่าเสือดำ สัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก จ.กาญจนบุรี ที่มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2562 ที่ผ่านมา พิพากษาแก้เพิ่มโทษจำคุกโดยไม่รอลงอาญา นายเปรมชัย กรรณสูต อายุ 66 ปี ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับคนขับรถและนายพรานรวม 3 คน ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 , 31 วรรคหนึ่ง , พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 16, 19 วรรคหนึ่ง , 36 , 47 , 53, 55 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80,83 พ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องและกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง , 72 วรรคสาม , 72 ทวิ วรรคสอง , ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ฐานร่วมกันทําให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ , ร่วมกันล่าสัตว์ป่า (เสือดำ สัตว์ป่าคุ้มครอง) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า, ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) โดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา) โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต , และนายพราน มีโทษฐานพยายามล่าสัตว์ป่า (กระรอก) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านั้น
ซึ่งนายเปรมชัยกับพวกได้ประกันตัวคนละ 1 ล้านบาท พร้อมการติดกำไลข้อเท้า EM และเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศระหว่างการยื่นฎีกาคดีนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าการยื่นฎีกาว่า ล่าสุดนายเปรมชัย กับพวกได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ ขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาคดีดังกล่าวเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งเดิมเมื่อต้นเดือน ก.พ.2563 นายเปรมชัย จำเลยที่ 1 , นายยงค์ โดดเครือ อายุ 68 ปี คนขับรถและคนใกล้ชิดนายเปรมชัย จำเลยที่ 2 และนายธานี ทุมมาศ หรือพรานแกละ อายุ 59 ปี นายพรานนำนายเปรมชัยเข้าป่า จำเลยที่ 4 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้โทษให้จำคุกเพิ่มขึ้น ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ ขอขยายเวลาการยื่นฎีกาครั้งที่ 2 ซึ่งศาลอนุญาตให้ขยายเวลาถึงวันนี้ (11 มี.ค.) แต่กลุ่มของนายเปรมชัย ยังไม่ได้ยื่นคำฎีกาโดยขอขยายเวลาอีกครั้งก่อน ซึ่งศาลพิจารณาให้ขยายได้อีกครั้งถึงวันที่ 10 เม.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในส่วนของอัยการโจทก์นั้น ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 ก.พ.2563 พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ โจทก์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ ขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาคดีครั้งที่ 2 เป็นเวลา 1 เดือนถึง 12 มี.ค. เนื่องจากอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 7 ต้องรอผลการส่งสำนวนไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145/1 เมื่อช่วงปลายเดือน ม.ค.2563 โดยศาลก็อนุญาตให้อัยการโจทก์ขยายเวลายื่นฎีกาครั้งที่ 2 จนถึงวันที่ 12 มี.ค.นี้ ในวันพรุ่งนี้ต้องรอดูว่าอัยการโจทก์จะยื่นฎีกาในคดีนี้ด้วยหรือไม่
ทั้งนี้สำหรับคดีล่าเสือดำดังกล่าว คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ให้จำคุกนายเปรมชัย จำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี 14 เดือน (เดิมศาลชั้นต้น จำคุก 16 เดือน), นายยงค์ คนขับรถ จำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 17 เดือน (เดิมศาลชั้นต้น จำคุก 13 เดือน) และจำคุกนายธานี นายพราน จำเลยที่ 4 มีกำหนด 2 ปี 21 เดือน (เดิมศาลชั้นต้น จำคุก 2 ปี 17 เดือน)
ส่วนนางนที เรียมแสน อายุ 46 ปี แม่ครัว จำเลยที่ 3 จำคุกมีกำหนด 1 ปี 8 เดือน และปรับ 40,000 บาท ฐานร่วมกันทําให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ, ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยโทษจำคุกของแม่ครัวจำเลยที่ 3 ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น (จากเดิมศาลชั้นต้นจำคุก 4 เดือนและปรับ 10,000 บาท ฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองเสือดำและไก่ฟ้าหลังเทา ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี และยกฟ้อง 3 ข้อหาเกี่ยวกับความผิดอาวุธปืน)
นอกจากนี้ให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จำนวน 2 ล้านบาท (มูลค่าความเสียหายเสือดำ) พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. 2561 (วันที่เจ้าหน้าที่พบการกระทำผิด) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดแก่ผู้ร้อง