วันนี้ (11 มี.ค.63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ท้องฟ้าในช่วงบ่ายเหนือตัว อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่ไม่เห็นแม้แต่ ดอยนางนอน ที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญ ของ จ.เชียงราย
มุมสูงตัวอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ปกคลุมด้วยฝุ่นควันทั้งวัน
ถนน อาคาร บ้านเรือนในตัวเมืองแม่สาย และบริเวณด่านพรมแดน ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นควันตลอดทั้งวัน กรมควบคุมมลพิษ รายงานค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ที่ 245 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และเกินค่ามาตรฐานที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เข้าสู่วันที่ 5
ภาพแสดงจุดความร้อนในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและภาคเหนือ
ขณะที่ ข้อมูลจุดความร้อนของจังหวัดเชียงราย อยู่ที่ 41 จุด เฉพาะ อ.แม่สาย ไม่พบแม้แต่จุดเดียว นี่จึงทำให้คนในพื้นที่มองว่า เป็นฝุ่นควันข้ามแดน
นายไศลยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย จ.เชียงราย ระบุว่า พื้นที่อำเภอแม่สายมักจะประสบปัญหาฝุ่นควันทุกปี เนื่องจากการเผาในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน และใกล้เคียงทำให้ค่าฝุ่นจะเกินค่ามาตรฐานในช่วงเดือนมีนาคม ถึงเดือนพฤษภาคม แต่ปีนี้นอกจากจะประสบปัญหาฝุ่นยังขาดแคลนหน้ากากอนามัย เเม้จะจัดสรรงบประมาณซื้อแต่ไม่สามารถซื้อได้จึงต้องระดมอาสาสมัครผลิตหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นและไวรัสโควิด-19
หน่วยงานปกครองช่วยกันสกัด ไฟป่าพรมแดน อ.แม่สาย กับประเทศเพื่อนบ้าน
ที่ผ่านมาแม้จะมีหน่วยงานในระดับท้องถิ่นของทั้งสองประเทศมีการหารือเพื่อแก้ปัญหานี้อย่างต่อเนื่อง และเคยมีข้อเสนอของนักวิชาการให้ใช้ "อำเภอแม่สาย และท่าขี้เหล็ก" เป็นพื้นที่ต้นแบบในการแก้ปัญหาฝุ่นควันข้ามแดนร่วมกัน แต่ การแก้ปัญหานี้ก็ยังไม่คืบหน้า
ผศ.ธนากร สร้อยสุวรรณ ผู้ช่วยอธิการบดี ม.เทคโนโลยีราชมงคลล้านนา มองว่าปัญหาฝุ่นควันข้ามแดนเป็นปัญหาร่วมกัน แม้จะมีการพูดคุยกันหลายครั้ง แต่ปัญหาต้องมีการศึกษาวิจัยร่วมกันให้เข้าใจถึงต้นเหตุของปัญหา และอย่าผลักว่าเป็นปัญหาของใคร จึงจะเกิดความร่วมมือป้องกันแก้ปัญหาโดยเฉพาะการปลูกพืชบางชนิด และการจัดการเชื้อเพลิง
ข้อมูลกรมควบคุมมลพิษค่าฝุ่น อ.แม่สาย จ.เชียงราย วัดค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ที่ 245 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
สำหรับข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ ระบุว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม ปี 2562 อำเภอแม่สาย มีค่าฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน 77 วัน ปัญหาฝุ่นที่เกิดขึ้นซ้ำซาก และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นทำให้ คนแม่สาย เริ่มตั้งคำถามว่า ชีวิตของพวกเขา จะต้องเผชิญกับมลพิษทางอากาศแบบนี้ ไปอีกนานแค่ไหน