วันนี้ (15 เม.ย.2563) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข และคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าเยี่ยมชมการผลิตตู้อบฆ่าเชื้อหน้ากากอนามัยด้วยแสง UVC ที่บริษัท รีเทล บิซิเนส โซลูชั่นส์ จำกัด พร้อมรับมอบตู้อบฆ่าเชื้อหน้ากากอนามัยด้วยแสง UVC จากตัวแทนกลุ่ม SOS to Medical Staff in COVID–19 Fight ตามโครงการ “หมอช่วยเรา เราช่วยหมอ” โดยมีนายนพพล ชูกลิ่น ร.อ.นพ.นิมิต ประสิทธิ์ดำรง และ นางกุลวดี ศิริภัทร์ ผู้ร่วมก่อตั้งร่วมต้อนรับ
นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้ทั่วโลกประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลให้เกิดความต้องการการใช้อุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ยา เวชภัณฑ์ สูงขึ้นเกิดความขาดแคลน ซึ่งรัฐบาลได้เร่งจัดหาให้มีใช้อย่างเพียงพอและ ยังแสวงหาแนวทางการวิจัยเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ตู้อบฆ่าเชื้อโรคหน้ากาก N95 และหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ให้สามารถกลับมาใช้ซ้ำได้อีก
ล่าสุด กลุ่ม SOS to Medical Staff in COVID–19 Fight ที่ประกอบด้วยผู้ประกอบการภาคเอกชน ผู้มีจิตศรัทธา แพทย์ นักวิจัย ได้รวมกลุ่มสร้างตู้อบฆ่าเชื้อหน้ากากอนามัยด้วยแสง UVC ที่มีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อไวรัส COVID-19 ได้สำเร็จ ใช้งานได้อย่างปลอดภัย โดยได้ผลิตและส่งมอบให้โรงพยาบาลนำไปใช้ฆ่าเชื้อหน้ากากอนามัย
เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ผู้ประกอบการทั้งโรงงานแปรรูปโลหะ ทีมแพทย์ ทีมวิจัย ได้เสียสละเข้ามาช่วยด้วยจิตศรัทธา สร้างนวัตกรรมตู้อบฆ่าเชื้อหน้ากากอนามัยด้วยแสง UVC ที่ผ่านการวิจัยว่าฆ่าเชื้อ COVID-19 ได้อย่างปลอดภัย ไม่กระทบต่อโครงสร้างหน้ากาก สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ 20 ครั้ง เป็นอีกวิธีการที่จะช่วยทำให้มีหน้ากากเพียงพอ
นายอนุทินกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีนโยบายที่จะคุ้มครองบุคลากรทางการแพทย์ ให้มีความปลอดภัยมากที่สุด ได้เร่งรัดการจัดซื้อ รวมทั้งรับบริจาคเพื่อให้มีเพียงพอในยามวิกฤต ต้องขอบคุณคนไทยทุกคนที่ไม่ทิ้งกัน ร่วมกันคิด แก้ปัญหา ระดมสมองและกำลังความสามารถผลิตนวัตกรรที่มีประโยชน์มาสู้กับ COVID-19
ด้าน นายนพพล ชูกลิ่น ตัวแทน กลุ่ม SOS to Medical Staff in COVID–19 Fight กล่าวว่า ทางโรงงานได้แบ่งแผนกมาผลิตตู้อบฆ่าเชื้อหน้ากากอนามัยด้วยแสง UVC โดยเฉพาะ พนักงานบางส่วนก็ยังมาร่วมผลิตในวันหยุด โดยไม่ขอรับค่าแรง เพื่อสนับสนุนภารกิจทางการแพทย์ด้วย
เบื้องต้นเตรียมส่งมอบจำนวน 35 ตู้ และเร่งผลิตให้ได้ 1,500 เครื่องในระยะแรก ทั้งนี้พวกเราตั้งใจจะผลิตให้ได้มากที่สุดเท่าที่มีกำลัง และจัดส่งไปยังทุกโรงพยาบาลที่ต้องการใช้ให้นำไปใช้ฆ่าเชื้อหน้ากากอนามัยเพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน ลดปัญหาการขาดแคลนให้ได้ต่อไป
