วันนี้ (21 เม.ย.2563) เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรม เนื่องในวาระ 238 ปี นับแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนาหลักเมืองกรุงรัตนโกสินทร์ ความว่า
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนาพระบรมราชจักรีวงศ์แล้ว ทรงประดิษฐานหลักเมืองกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2325 ทรงสามารถนำพระบรมราชวงศ์พร้อมด้วยข้าราชการและประชาชน ให้พร้อมเพรียงกันเข้าสู้ศึกทั้งภายนอกและภายใน แก้ไขฟันฝ่าวิกฤตการณ์ของบ้านเมือง ฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ตั้งแบบแผนธรรมเนียม ชำระกฎหมาย เสริมสร้างศิลปวัฒนธรรม และปลุกจิตวิญญาณของความเป็นราชอาณาจักรอันรุ่งเรือง ให้กลับมาดำรงคงมั่นนับแต่นั้นตราบถึงบัดนี้ได้ 238 ปีแล้ว
ความร่มเย็นเป็นสุขแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นตัวอย่างที่พิสูจน์ให้เห็นประจักษ์ว่า กรุงใดจะประดิษฐานอยู่ยั่งยืนนานโดยเรียบร้อย กรุงนั้นต้องยึดมั่นใน "ความสามัคคี" เป็นคุณธรรมพื้นฐาน ความสามัคคีที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้ ต้องเริ่มจากจิตใจของพลเมืองแต่ละคน ในอันที่จะแผ่เมตตาอย่างจริงใจ อดทน ไม่ผูกโกรธ ให้อภัย และปราศจากอคติต่อบุคคลแวดล้อม บ้านเมืองใดที่เต็มไปด้วยพลเมืองผู้เพียบพร้อมด้วยความสุจริตทั้งกาย วาจา และใจ ย่อมทำให้บ้านเมืองนั้นดำรงมั่นคงอยู่ด้วยความสามัคคี
เพราะฉะนั้น ในเวลาที่บ้านเมืองกำลังเผชิญสถานการณ์อันไม่น่าพึงใจ ขอให้แต่ละคนลองหันกลับมาทบทวนตนเองว่า ท่านเป็นผู้มีเมตตา อดทน ใจเย็น รู้อภัย และละวางอคติในใจได้มากน้อยเพียงใด จากนั้น จงเร่งเพิ่มพูนคุณธรรมเหล่านี้ให้ทวียิ่งขึ้นในตน พร้อมเผื่อแผ่ไปสู่คนรอบข้าง
ถ้าแต่ละบุคคลทำได้เช่นนั้น สามัคคีธรรมย่อมบังเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ แล้วความเจริญรุ่งเรืองย่อมปรากฏตามมาในทันที สมดังธรรมภาษิตที่ว่า "สพฺเพสํ สงฺฆภูตานํ สามคฺคี วุฑฺฒิสาธิกา." ความว่า "ความพร้อมเพรียงของปวงชนผู้เป็นหมู่ ยังความเจริญให้สำเร็จทุกประการ"
ขอกรุงรัตนโกสินทร์ จงสถาพรสถิต ประดิษฐานสมรรถภาพอันประเสริฐอยู่ตราบกัลปาวสาน และขอประชาชนชาวไทยจงดำรงมั่นอยู่ในธรรม สามารถนำพาราชอาณาจักรให้ร่มเย็นเป็นสุข ภายใต้พระบรมโพธิสมภารแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์สืบไป ตลอดกาลนาน เทอญ