วันนี้ ( 27 เม.ย. 2563) จากมติของวิปรัฐบาลไม่เห็นด้วยกับการเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณา พ.ร.ก.3 ฉบับและ พ.ร.บ.โอนงบประมาณปี 2563 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.จังหวัดมหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ระบุว่าเสียดายโอกาสที่ถูกปฏิเสธ ทั้งที่เป็นช่องทางที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะได้ร่วมกันคลี่คลายวิกฤติ ซึ่งเห็นว่าการเปิดประชุมสมัยวิสามัญเป็นทางออกที่ดี โดยยังปฏิเสธกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าการขับเคลื่อนของพรรคฝ่ายค้านในเรื่องนี้เป็นการโจมตีทางการเมือง
พร้อมกับชี้เห็นว่านับจากนี้ไปอีกหนึ่งเดือนก่อนที่จะเปิดประชุมสภาสมัยสามัญวันที่ 22 พฤษภาคม มีความกังวลเรื่องของจำนวนผู้ติดเชื้อที่อาจเสียชีวิตเพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะวันนี้ที่ยังเกิดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ไม่มีกิน และเศรษฐกิจทรุดลงทุกวันแต่การเยียวยาเข้าไม่ถึงประชาชนทุกกลุ่ม ยังท้วงติงวิธีการเยียวยาของรัฐบาล ที่เข้าไม่ทั่วถึงประชาชนเนื่องจากฐานข้อมูลของรัฐบาลไม่แม่นยำ และวิธีการเยียวยาที่ผิดทาง ทำให้เวลา 1 เดือนที่ผ่านมาการเยียวยาไม่เป็นผล และนอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องของเงินเยียวยาไม่เพียงพอ จึงเสนอแนะให้เร่งนำ พ.ร.บ.โอนงบประมาณเข้าสู่สภาโดยเร็ว แต่หากยืดเวลาช้าออกไปอาจทำให้ชาวบ้านเกิดความทุกข์ได้
เรียกร้องให้ประชาชนทั้งประเทศหากเห็นว่าการเปิดสภาสมัยวิสามัญเป็นประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาวิกฤตโควิด-19 โดยเฉพาะเรื่องของการจัดการงบประมาณ ขอให้ช่วยส่งเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดให้มีการประชุมสภาสมัยวิสามัญ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้เพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมลงชื่อเพื่อเปิดสภา
และจากกรณีที่ทางวิปรัฐบาลไม่เห็นด้วยกับการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ โดยพรรคฝ่ายค้านได้วางแนวทางเดินต่อไป โดยจะเรียกร้องผ่านคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรทุกคณะ ให้ติดตามตรวจสอบการใช้งบประมาณของรัฐบาลทั้ง กรรมาธิการ ป.ป.ช. , กรรมาธิการการกฎหมาย , กรรมาธิการเศรษฐกิจ, กรรมาธิการสิทธิและมนุษยชน ที่เป็นกรรมาธิการในส่วนของพรรคฝ่ายค้าน
นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดเวทีสัมมนาออนไลน์ เพื่อสร้างรูปแบบการตรวจสอบนอกสภาร่วมกับประชาชน เพื่อระดมความคิดเห็นจากนักวิชาการ และประชาชน โดยเชื่อว่าน่าจะเกิดผลต่อการพิจารณาทบทวนไปถึงรัฐบาล ขณะเดียวกันก็เตรียมเสนอพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นต่อองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญที่มีหน้าที่อำนาจในการตรวจสอบการใช้งบประมาณแผ่นดิน เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ ,ป.ป.ช., ผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ตรวจสอบ เนื่องจากจากเห็นว่าครั้งนี้เป็นการกู้เงินของชาติครั้งใหญ่แต่ยังไม่มีแผนงานที่ชัดเจน
โดยตั้งข้อสังเกตว่าถึงข้อครหาในสังคมที่วิจารณ์ว่าเป็นการกู้เงินเพื่อให้แก่เจ้าสัว แต่ชาวบ้านได้เพียงเศษเนื้อข้างเขียง โดยนายสุทินยอมรับว่าเป็นไปได้ยากที่ส.ส.รัฐบาลจะร่วมเข้าชื่อเพื่อเปิดประชุมสมัยวิสามัญ