วันนี้ (13 พ.ค.2563) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา ให้ปรับปรุงค่าตอบแทนของคณะกรรมการตาม พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2560 และ พ.รบ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ.2560 โดยให้จ่ายค่าตอบแทนจากรายครั้ง เป็นรายเดือน และขอปรับปรุงอัตราค่าตอบแทนของคณะกรรมการเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 20 โดยประธานได้รับค่าตอบแทน 12,000 บาท รองประธาน 9,600 บาท กรรมการ 9,600 บาท เลขานุการฯ 4,800 บาท ผู้ช่วยเลขานุการฯ ไม่เกิน 2 คน คนละ 2,250 บาท ตามที่ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอนั้น
เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า การปรับปรุงและจ่ายค่าตอบแทนของกรรมการทั้ง 2 ชุดดังกล่าว เกิดขึ้นในท่ามกลางความทุกข์ยากของประชาชนคนทั้งประเทศที่ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ชี้ให้เห็นว่าทั้งรัฐบาล ทั้งกรรมการ และ สคช. ไม่ได้ละอายใจต่อประชาชนเลย ทั้งที่กรรมการมีเงินเดือน ค่าตอบแทน และมีเงินประจำตำแหน่งในหน้าที่การงานเดิมของตนมากแล้ว นอกจากนี้ การที่กรรมการฯ ต้องมาประชุมกันมากขึ้นอาจกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ในงานประจำของแต่ละคน ซึ่งสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องนำค่าตอบแทน หรือเบี้ยประชุมที่เพิ่มขึ้นไปหักลดเงินเดือน หรือค่าตอบแทนในตำแหน่งประจำของแต่ละคน
การจ่ายค่าเบี้ยประชุมและปรับเพิ่มค่าตอบแทน ชี้ให้เห็นว่าเป็นเล่ห์เพทุบายในการเขียนกฎหมาย โดยการออกระเบียบกำหนดให้คณะกรรมการตามกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ต้องทำหน้าที่ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งที่ควรเป็นหน้าที่ของประชาชน และ ส.ส.
นายศรีสุวรรณ เห็นว่าควรยุบกรรมการชุดดังกล่าว เพราะไม่มีผลงานเป็นประจักษ์ว่าจะมีการปฏิรูปประเทศด้านใดประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรมได้บ้าง และแผนยุทธศาสตร์ชาติต้องหยุดชะงักทันทีที่ประเทศต้องเผชิญกับการแพร่ระบาด COVID-19 แต่หากยังอยากให้มีคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดดังกล่าวอยู่ต่อไป เสนอให้รับเบี้ยประชุม หรือค่าตอบแทนไม่เกินครั้งละ 331 บาท เทียบเท่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของผู้ใช้แรงงานในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล