วันนี้ (14 พ.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการจัดซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อ และอุปกรณ์ป้องกันเชื้อโควิด-19 ช่วงเดือน เม.ย.2563 ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) มหาสารคาม ถูกร้องเรียนว่าใช้งบประมาณรวมกว่า 7 ล้านบาท และอาจมีราคาที่สูงกว่าท้องตลาด
ชี้แจงจัดซื้อตามราคาจริงในเดือน เม.ย.
ข้อมูลนี้ สอดคล้องกับข้อมูลของเพจเฟซบุ๊ก "ต้องแฉ" อ้างว่าการจัดซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อของ อบจ. มหาสารคาม ราคาแกลลอน 3,040 บาท สูงกว่าท้องตลาดที่ขายแกลลอนละ 300-1,500 บาท แต่นายกองโท คมคาย อุดรพิมพ์ นายก อบจ.มหาสารคาม ชี้แจงว่าราคาที่จัดซื้อเป็นราคาตามจริงที่ขายในท้องตลาดในช่วงเดือน เม.ย. ราคาจึงปรับสูงขึ้น และสูงกว่าราคาในขณะนี้
อบจ.มหาสารคาม ยังชี้แจงว่าบริษัท สยามอินเตอร์กรุ๊ป ถือเป็นบริษัทใหญ่ที่เสนอราคาน้ำยาฆ่าเชื้อต่ำกว่าราคากลาง และบริษัทนี้ยังจำหน่ายน้ำยาฆ่าเชื้อให้กับอีกหลาย อปท.ในพื้นที่ภาคอีสาน
สัปดาห์นี้ ป.ป.ท.เขต 4 ได้จัดทีมนักสืบสวนสอบสวน 3 ทีม ทยอยลงพื้นที่ตรวจสอบ การจัดซื้อน้ำยาและอุปกรณ์ป้องกันเชื้อโควิด-19 ช่วงเดือน เม.ย. ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน 12 จังหวัด ภาคอีสานตอนบน
เครื่องฉีดพ่นสูงกว่าราคาตลาด 8 เท่า
นอกจาก อบจ.มหาสารคาม ยังพบว่าการจัดซื้อเครื่องฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโควิด-19 ของเทศบาล ต.ขวาว อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด 2 เครื่อง ราคา 170,000 บาท ก็อาจสูงกว่าท้องตลาด โดยระหว่างการตรวจสอบ มีการนำเครื่องฉีดพ่น ULV ยี่ห้อ VictaV-1800 สีน้ำเงินมาเปลี่ยนเครื่องเดิมซึ่งเป็นสีเขียว ทีมข่าวลองตรวจสอบราคาในเว็บไซต์อยู่ที่ 9,350 บาท ถูกกว่าราคาที่เทศบาล ต.ขวาว จัดซื้อถึง 8 เท่า
ข้อมูลจาก ป.ป.ท.เขต 4 พบว่ามี อปท.อีกหลายแห่ง จะจัดซื้อเครื่องเทอร์โมสแกน น้ำยาฆ่าเชื้อ และถังฉีดพ่นในราคาสูง แต่ยังอยู่ระหว่างสอบสวน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิจารณาว่าเข้าข่ายทุจริตหรือไม่