วันนี้ (15 มิ.ย.2563) นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) เปิดเผยว่า ชุด PPE แบบเสื้อคลุมแขนยาวกันน้ำชนิดซักใช้ซ้ำได้ รุ่น “เราสู้” ที่ได้ตัดเย็บเป็นชุด และผ่านการตรวจมาตรฐาน จากศูนย์วิเคราะห์ทดสอบ สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอเรียบร้อย และดำเนินการตรวจรับแล้ว จำนวน 46,898 ชุด จากเดิมกำหนดไว้ 44,000 ชุด
อย่างไรก็ตาม ได้เริ่มทยอยจัดสรรและจัดส่งให้กับโรงพยาบาลและหน่วยงานต่างๆ ทั่วประเทศแล้ว 41,950 ชุด โดยได้กระจายไปยังสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 33,250 ชุด โรงพยาบาลในสังกัดมหาวิทยาลัย 5,200 ชุด โรงพยาบาลนพรัตน์ 2,000 ชุด กรมควบคุมโรค 500 ชุด และสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร 1,000 ชุด
ส่วนที่เหลือศูนย์ปฏิบัติการกระจายเวชภัณฑ์ในภาวะโควิด-19 จะดำเนินการจัดสรร กระจายให้โรงพยาบาลต่างๆ ต่อไป โดยชุด PPE รุ่น “เราสู้” นี้ สามารถซักและใช้ซ้ำได้ 20 ครั้ง ทำให้คาดว่าจะสามารถนำมาใช้ทดแทน ชุด PPE ชนิดที่ใช้ครั้งเดียว ได้มากกว่า 937,960 ชุด/ครั้ง
ตัดเย็บผ้าชิ้นเดียวแบบไร้ตะเข็บข้าง
ประธาน บอร์ด อภ.กล่าวต่อไปว่า ชุด PPE รุ่น “เราสู้” นี้ มีคุณสมบัติกันน้ำได้เป็นไปตามมาตรฐาน ANSI/AAMI PB70 ในระดับ 2 (Level 2) และสามารถระบายอากาศได้ดี โดยตัดเย็บเป็นชุด Isolation gown เป็นผ้าชิ้นเดียวไม่มีตะเข็บข้าง การเย็บเป็นลักษณะกุ๊น และด้ายที่ใช้เย็บเป็นด้ายกันน้ำ ชุดสามารถกันน้ำได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทั้งตัวเสื้อและตะเข็บ ตัดเย็บด้วยผ้าชนิดโพลีเอสเตอร์ 100% เคลือบสารที่มีคุณสมบัติทำให้ผ้ากันน้ำได้
ทั้งนี้ ชุดได้ผ่านการทดสอบคุณสมบัติของเนื้อผ้าและตะเข็บหลังซัก 20 ครั้ง โดยสามารถป้องกันการซึมผ่านของน้ำที่มีแรงดันได้มากกว่าหรือเท่ากับ 20 cmH2O ตามมาตรฐาน AATCC 127 ป้องกันการซึมผ่านของน้ำที่แรงดันกระแทกน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 กรัม ตามมาตรฐาน AATCC42
ตอนซักห้ามใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเด็ดขาด
ส่วนกระบวนการซักชุด PPE แบบซักใช้ซ้ำได้นี้มีข้อแนะนำให้ซักด้วยอุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียส พร้อมใส่ผงซักฟอก และ Sodium hypochlorite 0.1% เพื่อฆ่าเชื้อโรค นาน 15 นาที แล้วอบแห้งด้วยอุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส นาน 60 นาที และห้ามใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม ส่วนโรงพยาบาลต่างๆ นั้นสามารถปรับกระบวนการซักได้ตามมาตรฐาน หรือแนวทางการซักผ้าของแต่ละโรงพยาบาลได้
โดยมีข้อห้ามที่สำคัญและขอย้ำ คือห้ามใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้สารเคลือบกันน้ำมีประสิทธิภาพกันน้ำลดลง และหลีกเลี่ยงการซักในสภาพที่รุนแรงและอุณหภูมิที่สูงกว่า 60 องศาเซลเซียส หากใช้วิธีการซักที่เหมาะสมจะทำให้ชุด PPE รุ่น “เราสู้” ยังคงมีประสิทธิภาพต่อไป
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า องค์การเภสัชกรรมได้ตระหนักและแสวงหาความร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน เพื่อจัดหาอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อสถานะการณ์ COVID-19 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ให้มีใช้อย่างเพียงพอ ด้วยการพัฒนาและสร้างสรรค์นวัตกรรมมาทดแทน ลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดการขาดแคลน ทั้งในระยะเร่งด่วนและในระยะยาว เพื่อประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้ในทุกสถานการณ์