วันนี้ (12 ก.ย.2563) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตรวจดูสภาพพื้นที่เขตชายแดน จ.ระนอง ที่ติดกับประเทศเมียนมาทางอากาศ พร้อมประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำชับให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและป้องกันแรงงานข้ามชาติหลบหนีเข้าเมืองในช่องทางธรรมชาติ ตามแนวชายแดน โดยให้บูรณาการกับหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 และให้สืบสวนหาข่าวการกระทำในลักษณะเป็นขบวนการนำพาเป็นนายหน้าและดำเนินการบังคับใช้กฎหมายและขยายผลไปถึงผู้เกี่ยวข้องทุกคน รวมถึงกำชับให้ตำรวจในทุกระดับ ห้ามเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเข้าเมืองผิดกฎหมายของแรงงานข้ามชาติ หากพบการกระทำผิดจะพิจารณาดำเนินการทางอาญาและทางวินัยทุกกรณี
พบลอบข้ามแดนต่อเนื่อง
ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านริมเมย ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ร่วมกับตำรวจตระเวนชายแดน กองร้อยตำรวจตระเวณชายแดนที่ 346 และ ทหารหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 4 อ.แม่สอด ยังคงเดินลาดตระเวณตามช่องทางธรรมชาติอย่างเข้มงวด หลังกระทรวงสาธารณะสุขคาดการณ์อีกไม่เกิน 2 สัปดาห์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในเมียนมาอาจจะมาถึงชายแดน
นายเจษฐนันท์ เสมกันทา ผู้ใหญ่บ้านริมเมย ระบุว่า วันนี้คนในชุมชนจะต้องมีความพร้อม เพราะสถานการณ์ในประเทศเมียนมายังมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง และอาจจะกระจายมาถึงพื้นที่ชายแดน แม้ประเทศเมียนมาจะมีมาตรการล็อคดาวน์ แต่ก็ยังคงพบปัญหาลักลอบข้ามแดนทางช่องทางธรรมชาติทั้งกลางวันและกลางคืน
ชุมชนริมเมย ต.ท่าสายรวด อ.แม่สอด เป็นชุมชนที่มีความเสี่ยง หากการแพร่ระบาดของ COVID-19 มาประชิดชายแดน เพราะพื้นที่บริเวณนี้มีเพียงแม่น้ำเมยนั้นกั้นพรมแดน ไทย เมียนมา และ ชาวเมียนมาสามารถว่ายน้ำข้ามมาได้ การลาดตระเวณจึงเป็นแนวทางหนึ่งเพื่อป้องปราม ล่าสุดเช้าวันนี้ จับกุมชาวเมียนมาลักลอบข้ามแดนได้เพิ่ม 3 คน
ข้อมูลจากสำนักงานสาธารณะสุข จ.ตาก ระบุว่าจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่ จ.ตาก ด้วยรถตรวจโรคติดเชื้อชีวะนิรภัยพระราชทาน โดยผลออกแล้วร้อยละ 95 ยังไม่พบผู้ติด COVID-19 และคาดว่าจะทราบผลทั้งหมดบ่ายวันนี้
ด่านสะเดาคุมเข้มสกัดโควิด
ส่วนที่ จ.สงขลา พบว่าด่านศุลกากรสะเดายังเปิดปกติมีรถสินค้าจากประเทศไทยและมาเลเซียผ่านแดนจำนวนมาก เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการคัดกรองคนขับรถบรรทุกสินค้าอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกัน COVID-19 จากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนคนไทยที่ติดค้างอยู่ในประเทศมาเลเซียจะเดินทางกลับภูมิลำเนาเจ้าหน้าที่ยุติการรับเดินทางกลับแล้ว หลังกลุ่มคนไทยในมาเลเซียเดินทางกลับตามคำขอแล้วทั้งหมด
เจ้าหน้าที่ใช้เครื่องตรวจจับใบหน้าอัฉริยะกับคนขับรถบรรทุกจากมาเลเซียที่ผ่านด่านพรมเเดนสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เกือบ 100 คนต่อวัน รวมถึงคนไทยที่เดินทางกลับมากขึ้น หลังมาเลเซียสั่งปิดด่านบูกิตกายูฮิตัม ถึงวันที่ 25 ก.ย. หลังพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 วันเดียว 182 คน
มาเลเซียปิดด่านบูกิตกายูฮิตัม
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ได้รับแจ้งจากทางการมาเลเซียว่า ด่านบูกิตกายูฮิตัม จะไม่อนุญาตให้บุคคลใดเดินทางเข้าออกประเทศมาเลเซียผ่านด่านดังกล่าว ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 25 ก.ย.นี้ ซึ่งจะทำให้คนไทยไม่สามารถเดินทางกลับประเทศไทยทางด่านบูกิตกายูฮิตัม และด่านสะเดา จ.สงขลา ได้ในช่วงเวลาดังกล่าว ให้คนไทยที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยทางบก ระหว่างวันที่ 12-25 ก.ย. 63 ลงทะเบียนขอหนังสือรับรองการเดินทางโดยเลือกด่านพรมแดนอื่น ได้แก่ ด่านเบตง หรือด่านสุไหงโก-ลก หรือด่านวังประจัน
สำหรับผู้ที่ได้ลงทะเบียนไว้แล้วว่าจะเข้าประเทศไทยผ่านด่านสะเดา (ซึ่งต้องผ่านด่านบูกิตกายูฮิตัม) ในช่วงวันที่ 12 - 25 ก.ย. 2563 ให้ลงทะเบียนใหม่และเลือกด่านอื่นแทน
ทั้งนี้ สามารถลงทะเบียนขอหนังสือรับรองการเดินทาง ผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ https://dcaregistration.mfa.go.th และขอให้ดำเนินการขอใบรับรองแพทย์ที่ระบุว่า ‘fit to travel’ ที่มีอายุไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง