ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงค่ำวานนี้ (14 เม.ย.2564) นิสิตที่พักอาศัยภายในหอพักจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมตัวกันแสดงความไม่พอใจกับมาตรการกักตัวของมหาวิทยาลัย ที่ปิดการเข้า-ออกเป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 13- 26 เม.ย.2564 เนื่องจากพบนิสิตภายในหอติดเชื้อ COVID-19 จำนวน 10 คน
กลุ่มนิสิตที่พักอาศัยหอใน ทำกิจกรรมตีหม้อและปิดประกาศข้อความต่างๆ เช่น กักตัวเป็นจิตสำนึกไม่ใช้ข้อบังคับ ไม่เอาคุกหอใน ที่สะท้อนว่าไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว โดยเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยยกเลิก
หลายคนสะท้อนว่า เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะออกไปไหนไม่ได้มาตรการกักตัวยังกระทบต่องานและรายได้ของนิสิตที่ทำงานพาร์ทไทม์หลังเลิกเรียน รวมถึงไม่สามารถไปฝึกงานหรือทำโครงงานได้
นิสิตคนนี้บอกกับไทยพีบีเอสว่า เขาผ่านการคัดกรองแล้ว ระบุไม่ใช่บุคคลกลุ่มเสี่ยง แต่ก็ต้องถูกกักตัวไปด้วย
มหาวิทยาลัยควรใช้มาตรการอื่นที่มีประสิทธิภาพ โดยไม่กระทบสิทธิเสรีภาพนิสิต
ทั้งนี้ นิสิตได้รวบรมข้อเสนอไว้ดังนี้
- โดยให้จำกัดการเข้าออกของคนนอก ทุกคนต้องแสดงตัวตนกับ รปภ.ก่อนเข้า ผู้ปกครองนำรถเข้ามาได้แต่ห้ามลงจากรถ
- จำกัดการเข้า-ออกตึก บังคับให้ใส่หน้ากากอนามัย และให้แม่บ้านทำความสะอาดเครื่องสแกนนิ้วทุก 10 นาที ขอเพิ่มเจลแอลกอฮอล์
ขณะเดียวกัน ผศ.ดร.ชัยพร ภู่ประเสริฐ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต จุฬาฯ ได้จัดทำโปสเตอร์ชี้แจงความจำเป็นเกี่ยวกับมาตรการปิดการเข้า-ออกของหอพัก โดยระบุว่า มาตรการดังกล่าวเพื่อความปลอดภัยของนิสิต เพื่อจำกัดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของ COVID-19 และเพื่อรับผิดชอบต่อสังคม