วันนี้ (13 พ.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต้นอินทผลัม 100 ไร่ ที่กำลังออกผลผลิตของนางแก้วตา อินหัน อายุ 50 ปี ชาวบ้าน หมู่ที่ 1 ต.ดงกลาง อ.เมืองพิจิตร ซึ่งเคยเปิดร้านเสริมสวยใน จ.สมุทรปราการ
แต่ภายหลังจากการเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 จึงกลับมาบ้านเกิด และนำต้นอินทผลัมมาเพาะปลูก
นางแก้วตา เปิดเผยว่า เก็บเงินจากการทำงานเสริมสวยมาปรับพื้นที่ไว้ก่อนและมีการศึกษาพืชโดยเฉพาะต้นอินทผลัม เพราะชอบสวนตัว ปลูกครั้งเดียวสามารถอยู่ถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน
ในการปลูก จะมีระยะห่างของต้น 8 X 8 เมตร โดยช่วงแรก ทำการบำรุงรักษาต้นด้วยการให้น้ำใส่ปุ๋ย บำรุงต้นในช่วง 1-2 ปีแรก อย่างสม่ำเสมอ และระวังแมลงด้วงกับเชื้อราที่คอยทำลายต้น
จากนั้นในช่วงปีที่ 3-4 ต้นอินทผลัมจะให้ผลผลิตต้นละ 30-40 กิโลกรัม ซึ่งขึ้นอยู่กับอายุของต้น หลังจากติดผลแล้ว ทางสวนจะทำการห่อด้วยถุง เพื่อป้องกันแมลงศัตรูที่มาทำลายผล จะเก็บจำหน่ายได้ในช่วงเดือน มิ.ย. - ก.ค. ครั้งที่เเล้วออก 13 ต้น
หากสนใจการปลูกอินทผลัม สามารถสอบถามได้ที่ 080-162-9894 หรือที่เพจเฟซบุ๊ก TaTukta เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการเปลี่ยนแปลงอาชีพ
"วิศวกรไฟฟ้าโรงงาน" หันปลูกกล้วยด่างขาย
ส่วนตัวอย่างอีกคน ที่หันไปปลูกกล้วยด่าง คือ นายนฤชา ทวีพันธ์ อายุ 42 ปี ชาวบ้าน หมู่ 7 ต.โคกมะม่วง อ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเคยประกอบอาชีพเป็นวิศวกรไฟฟ้าโรงงาน
หลังจากย้ายกลับมาอยู่บ้านเกิดที่ จ.บุรีรัมย์ เพราะพิษเศรษฐกิจซบเซา เขาปลูกกล้วยด่าง เพราะมาจากความชอบปลูกไว้เพื่อประดับบ้าน แต่มีผู้สนใจสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมากทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เลยคิดจะปลูกเพื่อขาย
ปัจจุบัน ได้ปลูกกล้วยด่างไว้ทั้งหมด 10 สายพันธุ์ มากกว่า 30 กว่าต้น โดยที่สวนจะปลูกสายพันธุ์ฟลอริดา เป็นหลัก เพราะมีความนิยมในท้องตลาดสูง
นอกจากนี้ ยังมีสายพันธุ์แดงอินโด และสายพันธุ์กล้วยน้ำว้าด่าง เป็นต้น ราคาจะมีตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสน โดยเฉพาะในช่วงนี้ราคาดี เพราะกระแสของต้นไม้ด่างกำลังเป็นที่นิยมในท้องตลาดสูง
การดูแลไม่ยาก และไม่ต้องใช้พื้นที่มาก ก็สามารถดูแล และสร้างเงินแสนได้ นอกจากการทำกล้วยด่างแล้ว นายนฤชาได้ทำเกษตรแบบผสมผสานตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวง รัชกาลที่ 9 ด้วย