วันนี้ (17 มิ.ย.2564) ความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการจัดซื้อเสาไฟฟ้าแสงสว่าง พร้อมรูปประติมากรรม ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ ว่า เกี่ยวกับภารกิจตรวจสอบการใช้จ่ายงบเงินประมาณภาครัฐในการจัดทำโครงการจัดซื้อเสาไฟฟ้าแสงสว่าง พร้อมรูปประติมากรรมของ อปท.หลายแห่งที่ปรากฏข่าวทางสื่อมวลชนอยู่ในขณะนี้นั้น
นายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยว่า ในข้อเท็จจริง สตง.เริ่มตรวจสอบและพบข้อสังเกตรวมถึงปัญหาการดำเนินงานโครงการฯ ลักษณะนี้ มาตั้งแต่ช่วงปี 2555 ในการดำเนินงานโครงการติดตั้งเสาไฟฟ้าสาธารณะประติมากรรมรูปสิงห์พร้อมอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าขององค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี ที่ใช้งบประมาณ กว่า 722,595 บาท จัดทำเสาไฟฟ้ารูปสิงห์ จำนวน 13 ต้น เฉลี่ยต้นละประมาณ 55,000 บาท ซึ่งสูงกว่าเสาไฟฟ้าทั่วไปประมาณต้นละ 15,000 บาท
นอกจากนั้น ยังพบว่าใช้งานได้เพียงบางส่วนเท่านั้น จึงได้แจ้ง อบต.ให้มีการปรับปรุงแก้ไข รวมถึงทำหนังสือแจ้งกระทรวงมหาดไทยว่าโครงการติดตั้งเสาไฟฟ้ารูปประติมากรรม กำลังได้รับความสนใจจาก อปท.หลายพื้นที่ทั่วประเทศ เพราะฉะนั้นกระทรวงมหาดไทย ควรจะต้องกำชับท้องถิ่นให้กำกับดูแลเรื่องการใช้จ่ายเงินให้เกิดประโยชน์คุ้มค่าและสามารถสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนได้อย่างแท้จริง
หลังจากนั้น สตง.ได้กำหนดแผนงานในการเข้าไปติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินในโครงการติดตั้งเสาไฟฟ้าสาธารณะประติมากรรมของอปท.ทั่วประเทศว่ามีพื้นที่ใดบ้าง ที่มีการดำเนินงานในลักษณะเดียวกันกับ อบต.ดังกล่าว ทั้งในเรื่องของราคา และการติดตั้งเป็นไปตามมาตราฐานที่เกี่ยวข้องหรือไม่
โดยพิจารณาตามมาตรฐานไฟฟ้าสาธารณะ ปี 2548 ซึ่งออกโดยกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทยเป็นสำคัญ ซึ่งกำหนดมาตรฐานสำคัญไว้หลายส่วนด้วยกัน เช่น มาตรฐานความส่องสว่าง ระยะห่างของจุดติดตั้งฟ้าสาธารณะ รูปแบบของการติดตั้ง กรณีติดตั้งสองฝั่งถนน ติดตั้งกลางถนน เป็นต้น แต่มาตรฐานนี้ยังไม่มีเรื่องประติมากรรมบนเสาไฟฟ้าแต่อย่างใด
ต่อมาในปี 2560 สตง.ได้ตรวจสอบโครงการจัดซื้อเสาไฟฟ้าแสงสว่าง พร้อมประติมากรรมรูปกินรี ในส่วนของ อบต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และพบว่า มีประเด็นข้อสังเกตหลายประการ เช่น ราคาเสาไฟฟ้าที่จัดซื้อมีราคาสูง การกำหนดราคากลางไม่ถูกต้อง การติดตั้งไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง ปัญหาเรื่องการชำรุด ขาดการดูแล บำรุงรักษา ประกอบกับผลการตรวจสอบในพื้นที่อื่น ๆ มีลักษณะเช่นเดียวกัน
ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวว่า สตง.จึงวิเคราะห์ในภาพรวม และได้มีหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบพร้อมข้อเสนอแนะไปยังอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และสำเนาหนังสือส่งปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 15 พ.ย.2560 ใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1. เรื่องราคาที่สูงมาก รูปแบบความเหมาะสมของพื้นที่ที่จะติดตั้งกับภูมิทัศน์ของท้องถิ่น 2. การติดตั้งเสาไฟฟ้าประติมากรรมไม่เป็นไปตามมาตราฐานไฟฟ้าสาธารณะที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนด เช่น การติดตั้งมีความถี่มากกว่าที่กำหนด
3. การชำรุดเสียหาย ไม่สามารถใช้งานได้ ขาดการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นเมื่อวันที่ 4 ก.ย.2561 กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ได้มีหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ใหแจ้งกำชับให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ สตง. หากจะดำเนินโครงการติดตั้งเสาไฟฟ้าประติมากรรมเป็นแนวทางปฏิบัติในการดำเนินงานโครงการฯ
กรณีการตรวจสอบในส่วนของ อบต.ราชเทวะในปี 2560 สตง. ได้ออกหนังสือแจ้งให้ อบต.ราชาเทวะ ดำเนินการให้มีการชดใช้ค่าเสียหายแก่รัฐ จำนวน 67.29 ล้านบาท ดำเนินการทางวินัยกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้น ผลการตรวจสอบพบว่า มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการใช้จ่ายเงินมีพฤติการณ์อันเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมาย
จึงได้มีการแจ้งผลการตรวจสอบและส่งเรื่อง พร้อมเอกสาร หลักฐานประกอบให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พิจารณาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป ตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติ มาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2561
สำหรับการตรวจสอบโครงการจัดซื้อเสาไฟฟ้าแสงสว่าง ตั้งแต่ปี 2562 - 2564 ของ อบต.ราชาเทวะ ซึ่งปรากฏเป็นข่าวทางสื่อออนไลน์และสื่อมวลชนกระแสหลักอยู่ในปัจจุบัน สตง.มีแผนงานในการเข้าตรวจสอบและติดตามผลการดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งในปัจจุบันก็ได้มีการบูรณาการและประสานงานความร่วมมือกันกับหน่วยงานตรวจสอบแห่งอื่นอีกด้วย ผลการตรวจสอบเป็นอย่างไร จะได้แจ้งให้ทราบต่อไป
นายประจักษ์ กล่าวว่า จากผลการตรวจสอบและประเด็นปัญหาดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จึงมีนโยบายในการศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เป็นลักษณะไฟไหม้ฟางและเกิดปัญหาเช่นนี้อีกในอนาคต และให้มีมาตรการเชิงระบบในการป้องกันกำกับดูแล เรื่องการใช้จ่ายเงินในโครงการฯ ลักษณะนี้ให้เกิดความคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
โดยให้ สตง.ดำเนินการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเร่งด่วน เพื่อเสนอแนะแนวทางหรือมาตรการในการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน รวมไปถึงการเชิญตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยกันพิจารณากำหนดแนวทาง หรือมาตรการในการดำเนินการที่ชัดเจนต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ป.ป.ช.นครศรีฯ ลุยสอบเสาไฟฟ้าประติมากรรมแล้ว
พบป้ายซอย จ.นครศรีฯ ชุดละเกือบ 20,000 บาท
ป.ป.ช.สั่งสอบเสาไฟฟ้ากินรีทุกจังหวัด