วันนี้ (16 ส.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุม ศบค.วันนี้ชี้ชะตา ร้านอาหารอีกครั้ง เพราะผู้ประกอบการร้านอาหารมีความกังวลว่า หากรัฐบาลยังคงใช้มาตรการที่เข้มงวดต่อไป จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหารอย่างมาก
เจ้าของร้านจึงขอให้ผ่อนคลายมาตรการให้นั่งภายในร้านได้ สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว หรือการลดพื้นที่นั่งในร้าน ให้เหลือร้อยละ 25
บรรยากาศร้านอาหารหลายร้าน ย่านประดิพัทธ์ ในช่วงเที่ยงวันหยุดสุดสัปดาห์ ยังพอมีประชาชน มาซื้ออาหารกลับไปกินที่บ้าน บางร้านก็มีไรเดอร์เข้ามาสั่งอาหารตามออเดอร์ แต่จำนวนก็ไม่มากนัก
เจ้าของร้านอาหารบางส่วนระบุว่า รายได้หายไปมากกว่าร้อยละ 80 แม้รัฐบาล จะให้สั่งผ่านหน้าร้านได้ แต่ยอดขายก็ยังไม่ดี เพราะกำลังซื้อหายไป ประหยัดค่าใช้จ่าย ส่วนยอดขายผ่านเดลิเวอร์รี่ต่อวันไม่สูง
หากรัฐบาลจะขยายวันล็อกดาวน์อีก ก็อยากให้มีมาตรการเข้ามาช่วยทันที เช่น ลดภาษีป้ายร้าน เจรจาลดค่าเช่าที่ เพราะเป็นต้นทุนสูง และผู้ประกอบการเผชิญปัญหานี้ จนต้องปิดกิจการ ซึ่งเขากังวลว่า อาจเป็นหนึ่งในนั้น
มาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวดขึ้นมาตั้งแต่เดือน
ก.ค.ที่ผ่านมา หลายร้านเงียบเหงา ทำให้ร้านต้องเก็บเก้าอี้ เพราะห้ามนั่งกินในร้าน และซื้อกลับเท่านั้น จำกัดเวลาขายไม่เกิน 2 ทุ่ม ส่งผลกระทบต่อยอดขาย และการจ้างงานอย่างมากบางร้านต้องลดพนักงาน หรือใช้วิธีสลับมาทำงาน
ผู้บริหารร้านอาหารย่าน ถ.พระราม 3 ระบุว่า ขณะนี้ยอดขายอยู่ที่เพียงร้อยละ 10-15 เท่านั้น ทำให้ต้องลดการจ้างงานพนักงาน
โดยขอให้รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการ เพื่อให้ธุรกิจร้านอาหารไปต่อได้ เช่น อนุญาตให้คนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มนั่งกินในร้านได้
เจ้าของร้านอาหารย่านบางเขน บอกว่า รัฐบาลควรจะทบทวนมาตรการควบคุมการระบาดเพื่อไม่ให้กระทบต่อเศรษฐกิจมากเกินไป แม้ว่าจะมีมาตรการเยียวยาช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาผลกระทบแต่ไม่เพียงพอ เช่น เยียวยาในจ้าง 3,000 บาท ขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับ
ส่วนลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคม ได้รับ 2,500 บาท แต่ไม่ได้รับการชดเชยค่าจ้างรายวันร้อยละ 50 หรือ 7,500 บาท เพราะร้านไม่ได้ถูกสั่งปิด แต่ร้านส่วนใหญ่แทบไม่มีลูกค้า เพราะห้ามนั่งกินในร้าน โดยอยากให้รัฐบาลผ่อนคลายให้กลับไปนั่งกินที่ร้านได้ร้อยละ 25 ของพื้นที่ และเข้ามาช่วยเหลืออย่างจริงจัง
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ประเมินผลกระทบจากการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดขึ้น และอาจลากยาวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจวัตถุดิบอาหาร ก่อให้เกิดความเสียหายรวมประมาณ 130,000-259,600 ล้านบาท
ขณะที่สมาคมภัตตาคารไทย ระบุว่า ปัจจุบันมีร้านอาหารประมาณ 550,000 ราย คาดว่าจะปิดกิจการแล้ว 50,000 ราย ก่อนที่มีมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ และคิดว่าจะมี 50,000 ราย ที่เตรียมตัวปิดกิจการแบบชั่วคราวหากไม่ได้รับการเยียวยา
หากรัฐจะขยายเวลาล็อกดาวน์ออกไปอีก จะยิ่งกระทบธุรกิจร้านอาหารหนักมากขึ้น จึงอยากให้รัฐพิจารณาให้ร้านอาหารกลับมาเปิดได้ และผลักดันให้ โครงการคนละครึ่ง อยู่ในแพลตฟอร์มฟู้ด เดลิเวอรี่ โดยเร็วที่สุด
