วันนี้ (29 ต.ค.2564) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ระบุว่า ปฏิบัติการยึดยาเสพติดของตำรวจลาวในครั้งนี้ เป็นการยึดยาเสพติดครั้งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจลาวยึดยาบ้าได้มากถึง 55.6 ล้านเม็ด และยาไอซ์อีก 1.5 ตัน จากรถบรรทุกลังเบียร์ยี่ห้อดังเจ้าหนึ่งในแขวงบ่อแก้ว ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ติดกับพรมแดนไทยและเมียนมา ซึ่งคนขับรถบรรทุกคันนี้ถูกว่าจ้างให้ขับรถไปส่งที่เวียงจันทน์ และไม่ทราบว่าในลังเบียร์มียาเสพติดซุกซ่อนอยู่
ลาวบริวเวอรี ออกแถลงการณ์ชี้แจงบนสื่อออนไลน์ว่า บริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนยาเสพติด นอกจากนี้ยังแสดงความผิดหวังอย่างยิ่งที่ลังเบียร์ของบริษัท ถูกนำมาใช้ในการลักลอบทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย โดยลาวบริวเวอรีพร้อมที่จะดำเนินมาตรการทางกฎหมาย ต่อบุคคลที่นำทรัพย์สินของบริษัทไปใช้ในทางที่ผิด
การยึดยาเสพติดในครั้งนี้ ทำให้ขบวนการค้ายาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำกลับมาอยู่ในสปอตไลต์อีกครั้ง UNODC ระบุว่า ขบวนการค้ายาเสพติดมีความเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หนึ่งในสาเหตุสำคัญมาจากสถานการณ์ความไม่สงบในรัฐฉาน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเมียนมา
ส่วนการปิดพรมแดนเพื่อรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 บริเวณมณฑลยูนนาน ทางตอนใต้ของจีน ส่งผลให้ขบวนการค้ายาเสพติดตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางการค้ายา มาทางตะวันออกเข้ามาในลาว และทางใต้เข้ามาในไทย ขณะที่การรัฐประหารในเมียนมาและปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ยิ่งทำให้ปัญหาการค้ายาเสพติดรุนแรงมากขึ้น
ข้อมูลจากรายงานของ UNODC เมื่อเดือน มิ.ย. ชี้ให้เห็นว่า ปี 2563 เป็นปีที่ยึดยาเสพติดได้มากที่สุด 169 ตันในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยร้อยละ 71 พบในประเทศลุ่มน้ำโขง 5 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา ลาว เมียนมา ไทยและเวียดนาม ซึ่งยาเสพติดบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ เป็นปัญหาทับซ้อนของอุตสาหกรรมสงครามและความขัดแย้งอุดมการณ์
ที่มา : Reuters, AFP, Channel News Asia
อ่านข่าวอื่นๆ
ปิดฉากประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ส่งต่อ "กัมพูชา"
"ไช่ อิงเหวิน" ยืนยันกองทัพสหรัฐฯ ช่วยฝึกรบให้ทหารไต้หวัน