ผู้หนีภัยจากการสู้รบชาวกะเหรี่ยง สัญชาติเมียนมา จำนวน 178 คน เดินทางกลับภูมิลำเนา ในประเทศเมียนมา ท่ามกลางการอำนวยความสะดวกของเจ้าหน้าที่ โดยนำรถบรรทุกขนาดใหญ่มาเป็นพาหนะในการนำตัวชาวบ้านกลุ่มนี้จากศูนย์พักพิงชั่วคราวโรงเรียนชุมชนแม่ตาวกลางที่ 26 ไปยังริมแม่น้ำเมย
ก่อนจะส่งตัวขึ้นเรือเพื่อกลับไปยังฝั่งประเทศเมียนมา ตามความสมัครใจของชาวบ้านกลุ่มนี้ โดยเหตุผลหลักที่กลุ่มนี้สมัครใจรีบเดินทางกลับก่อน เป็นเพราะเกิดความเป็นห่วงทรัพย์สินของตนเองในพื้นที่ เนื่องจากตอนหนีภัยออกมาจากพื้นที่ไม่ได้นำสิ่งของติดตัวออกมามากนัก ประกอบกับชาวบ้านเขื่อว่าสถานการณ์ค่อย ๆ คลี่คลายจึงตัดสินใจที่จะกลับภูมิลำเนา
ขณะที่ช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา (18 ธ.ค.2564) บริเวณฝั่งประเทศเมียนมา ยังคงมีเสียงดังคล้ายปืนเกิดขึ้นหลายสิบนัด ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เองยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่มีกระสุนปืนตกมายังฝั่งประเทศไทย แต่ชาวบ้านในพื้นที่ยังคงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดตาก ยังคงขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่งดการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และป้องกันอันตรายจากการสู้รบ
ขณะนี้กองกำลังนเรศวร และหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ยังเข้มงวดในการลาดตระเวนเฝ้าตรวจชายแดนอย่างต่อเนื่อง และพร้อมโต้ตอบหากมีการรุกล้ำอธิปไตยเข้ามาในประเทศไทย หรือการกระทำใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนคนไทย แม้ว่าจะประท้วงไปยังรัฐบาลเมียนมาผ่านช่องทาง คณะกรรมการชายแดนระดับท้องถิ่น ไทย-เมียนมา จากกรณีที่กระสุนไม่ทราบชนิด ไม่ทราบฝ่ายตกบริเวณ ริมลำน้ำเมยของฝั่งไทย จึงขอให้ทางเมียนมาระมัดระวังเรื่องการใช้อาวุธ
ข้อมูลล่าสุดขณะนี้ยังมีผู้หนีภัยจากการสู้รบอยู่ภายในพื้นที่พักพิงชั่คราวโรงเรียนแม่ตาวกลาง จำนวน 2,498 คน ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงให้การดูแลอยู่ หากสถานการณ์สงบทางการไทยก็พร้อมจะส่งตัวกลับภูมิลำเนา