วันนี้ (28 ม.ค.2565) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มั่นใจทุกระบบของไทยมีความพร้อม ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศให้เข้ามาในประเทศไทยในรูปแบบ Test and Go อีกครั้งในวันที่ 1 ก.พ.นี้ เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวของไทยให้กลับมาได้โดยเร็วที่สุดต่อ
หลังรัฐบาลตัดสินใจระงับไปเมื่อปลายปี 2564 เพราะเกิดการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน เชื่อมั่นแพทย์และระบบสาธารณสุขไทยพร้อมรับมือ หากมีการเปิด Test and Go อีกครั้ง คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทั้งปี 2565 ได้ไม่ต่ำกว่า 8 ล้านคน สร้างรายได้ 4.8 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ขณะนี้ยังมีผู้ที่พยายามลักลอบเข้ามายังประเทศไทย เพื่อหางานทำอย่างผิดกฎหมายต่อเนื่อง โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการไปยังกระทรวงมหาดไทย ให้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัด แจ้งนายอำเภอให้เน้นย้ำกำนัน ผู้ใหญ่บ้านของพื้นที่ที่ติดต่อกับชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน หรือมีช่องทางผ่านแดนที่เป็นช่องทางธรรมชาติ คุมเข้มทุกด่านให้ระมัดระวัง ป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย รวมถึงช่องทางธรรมชาติทุกแห่ง
รวมทั้งขอให้เครือข่ายสาธารณสุขในพื้นที่ทั้ง อสม. ฝ่ายท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมช่วยสอดส่องว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่หรือไม่ หากพบให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 โดยกองกำลังสุรสีห์จับกุมบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 365 คน ที่ลักลอบเข้าเมืองกลางดึก ชายแดนบริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ 135 คน และกาญจนบุรี 230 คน ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย ซึ่งไม่ผ่านการคัดกรองโรคจากเจ้าหน้าที่ กรณีที่อยู่ในการจับกุมของตำรวจก็จะตรวจหาเชื้อด้วย
นายธนกร กล่าวว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่วันนี้ รวม 8,450 คน จำแนกเป็นผู้ป่วยจากในประเทศ 8,239 คน ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 211 คน ผู้ป่วยสะสม 192,037 คน (ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2565) หายป่วยกลับบ้าน 7,484 คน หายป่วยสะสม 141,154 คน (ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 83,698 คน เสียชีวิต 28 คน
ล่าสุด การให้บริการวัคซีนโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 115,105,878 โดส เข็มที่ 1 ฉีดสะสม 52,206,701 โดส เข็มที่ 2 ฉีดสะสม 48,450,590 โดส เข็มที่ 3 ฉีดสะสม 13,524,676 โดส เข็มที่ 4 ฉีดสะสม 923,911 โดส ในขณะที่ยอดรวมการฉีดวัคซีนโควิดทั่วโลกทะลุ 10,000 ล้านโดส ประเทศไทยฉีดแล้วถึง 113,622,267 โดส โดยมีผู้ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม สูงถึง 73.1% ของประชากร และได้รับ 3 เข็มแล้ว 19.8% (เท่ากับ 1 ใน 5) ทั้งนี้ กรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (111.1%)