วันนี้ (4 ก.พ.2565) นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด เปิดใจกับทีมข่าวไทยพีบีเอส ถึงการตัดสินใจสมัครเข้าสู่การสรรหาเป็น กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (กรรมการ ป.ป.ช.) เพราะต้องการพิสูจน์ความรู้ ความสามารถที่ตัวเองมีอยู่ และจะทำประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมืองต่อไป พร้อมยอมรับว่า รู้สึกเจ็บปวดกับการถูกคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง เหตุจากสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ "บอส" จากอุบัติเหตุขับรถชนตำรวจเสียชีวิต เมื่อปี 2555
คำสั่งสอบวินัยร้ายแรงและถอดชื่อออกจาก ก.อ. นายเนตร ระบุว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งที่สั่งไม่ฟ้องคดี ตามพยานหลักฐานที่มีอยู่
ขอโอกาสจากสังคมให้ความเป็นธรรม และจะไม่ขอโต้ตอบกับกระแสสังคมที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ทั้งที่ผ่านมาถูกโจมตีมาตลอด และตลอดชีวิตรับราชการมากว่า 40 ปี ทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ และให้ความเป็นธรรมกับทุกคดี
อดีตรองอัยการสูงสุด กล่าว่า การสมัครเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการ ป.ป.ช. นอกจากจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองแล้ว ยังเป็นบทพิสูจน์ได้ว่า ในวัย 67 ปี ที่เหลืออยู่สามารถทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติได้อีกมาก หลัง ก.อ.ถอดชื่อออก ทั้งที่ตามลำดับจะได้ขึ้นเป็นอัยการสูงสุด หรืออาจได้เป็นอัยการอาวุโส และเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากเหตุที่เห็นต่างกันภายในองค์กร
สุดท้าย นายเนตร หวังจะได้ทำหน้าที่ กรรมการ ป.ป.ช. แต่ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับกรรมการสรรหาด้วย สำหรับผลสอบข้อเท็จจริง ของ ก.อ.เมื่อเดือน ก.ย. 2564 สรุปว่านายเนตร สั่งไม่ฟ้องคดี มีความผิดวินัย แต่ไม่ร้ายแรง ไม่พบการทุจริต แต่เป็นความบกพร่อง และ ก.อ. ได้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ตั้งกรอบเวลา 60 วัน ล่าสุดมีรายงานว่าจะสรุปภายใน 15 ก.พ.นี้
หากพบว่า "ผิด" บทลงโทษสูงสุด คือ "ไล่ออก" ส่วน ป.ป.ช.เปิดรับสมัคร ระหว่างวันที่ 31 ม.ค. - 21 ก.พ. 2565 ซึ่งขณะนี้มีชื่อนายเนตรเพียงคนเดียว ซึ่งตามกระบวนการต้องสอบประวัติก่อนเข้าสู่กระบวนการสรรหาและต้องเสนอชื่อ 2 คน ส่วนคุณสมบัติต้องซื่อสัตย์ สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่เป็นบุคคลต้องห้าม ถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หรือต้องโทษจำคุก ทุจริต กระทำผิดต่อหน้าที่