วันนี้ (7 เม.ย.2565) นายทิวา การกะสัง ทนายความของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เป็นตัวแทนของน.ส.ปารีณา เขารับฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาคดีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหา น.ส.ปารีณา ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง บุกรุกที่ป่าทำฟาร์มไก่ใน จ.ราชบุรี โดย น.ส.ปารีณา จะอยู่รอฟังข่าวที่จ.ราชบุรี
สำหรับคดีนี้ไม่ใช่คดีอาญา เป็นความผิดจริยธรรม ผู้ถูกร้องไม่ต้องไปปรากฏตัวก็ได้ จะเป็นตัวแทนไปฟังคำพิพากษา ไม่จำเป็นต้องเลื่อนอ่าน
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ น.ส.ปารีณา ถูกพักการปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.64 ซึ่งหากศาลฎีกาตัดสินมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามคำร้องของ ป.ป.ช.จะทำให้หลุดจากการเป็น ส.ส. แต่หากศาลยกคำร้อง น.ส.ปารีณา จะได้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ได้อีกครั้ง
ทนายเข้าฟังคดีแทน ระบุที่ดินได้มาจากพ่อก่อนเป็นส.ส.
นายทิวา การกระสัง ทนายความของน.ส.ปารีณา ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้ารับฟังคำพิพากษาว่า ที่ดิน 711 ไร่ได้รับต่อจากพ่อคือ นายทวีไกรคุปต์ ก่อนเป็นส.ส. และมีพื้นที่ไม่ถึง 500 ไร่ เนื่องจากได้มีการแบ่งที่ดินออกเป็น 2 ส่วน และที่ดินแปลงหนึ่งได้มีการคืนให้แก่สำนักงานปฏิรูปที่ดินไปแล้ว เพื่อให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.)นำไปปฏิรูปตามที่ประกาศ ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ซึ่งทนายได้ชี้แจงว่าการได้มาของที่ดินและการส่งคืนที่ดินไปแล้ว ยังไม่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงใดๆ
ทั้งนี้ตามคำร้องของ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องผิดจริยธรรม 2 มาตรา ในการพิจารณาของศาล ฟังได้ข้อยุติว่าเหตุครอบครองที่ดิน ป่าไม้อยู่ในสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ให้ปี 2540 ที่เป็นป่าสงวนแห่งชาติเป็นเรื่องกำหนดแนวเขต การทำแผนที่เส้นหนึ่ง ทำให้เกิดการคลาดเคลื่อนถึงเกิดข้อถกเถียงว่าเป็นของป่าสงวนหรือไม่ หากมองเจตนาไม่ใช่ แต่เป็นเรื่องจับระวางแผนที่
ประเด็นที่ศาลจะวินิจฉัยถือการถือครองที่ดินจากพ่อปี 2555 แล้วทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐอย่างร้ายแรงหรือไม่ เพราะข้อเท็จจริงยุติแล้วว่าที่เป็นของพ่อ แล้วน.ส.ปารีณามาบริหารปี 2555 เป็นการบริหารก่อนเป็น ส.ส. และทำต่อเนื่องเป็นการเห็นประโยชน์ส่งนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม ตามข้อ 27 มาตราจริยธรรม
ทั้งนี้นายทิวา ยังไม่ได้พบกับน.ส.ปารีณา แต่ได้รับการแจ้งผ่านทางไลน์จากน.ส.ปารีณาว่าวันนี้ ไม่ได้มารับฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง ส่วนหากศาลชี้ว่ามีความผิดจริยธรรม จะส่งผล ต่อการสมัครรับเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งปารีณาน้อมรับคำพิพากษาไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ส่วนฝ่าฝืนคดีจริยธรรมนี้สิ้นสุดในชั้นศาลนี้ โดยไม่สามารถฟ้องอาญาได้ มีแต่ส่งนศาลแพ่ง หรือใช้คำสั่ง คสช.เรียกคืน แต่ได้คืนที่ดินไปแล้ว
กรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 10 ก.พ.64 ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด น.ส.ปารีณา บุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จำนวน 4 แปลง รวมพื้นที่ 711 ไร่เศษ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 36.2 ล้านบาท ซึ่งถือว่าฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยทางป.ป.ช.มีมติส่งสำนวนให้ยังอัยการสั่งฟ้องศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยโทษสูงสุดตามข้อกล่าวหานี้คือ พ้นจากตำแหน่ง ส.ส.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ป.ป.ช.มีมติชี้มูล "ปารีณา" ผิดจริยธรรมร้ายแรงคดีรุกป่า
"ปารีณา" โอดปมรุกป่าถือใบภบท.5 เลี้ยงไก่ก่อนเป็น ส.ส.
"ปารีณา" ส่อพ้นเก้าอี้ ส.ส.ปมรุกป่าสงวนกว่า 711 ไร่