กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ หลังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กตั้งคำถามถึงการขายหนังสือเก็งกำไร โดยพยายามกว้านซื้อหนังสือราคาเล่มละ 200 บาท มาเกือบหมด ก่อนจะนำมาขายต่อในราคาหลักพัน ซึ่งก็มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก
บางคนยกตัวอย่างหนังสือ จากหนุ่มโรงงานสู่เทรดเดอร์มืออาชีพ ที่ราคาหน้าปกอยู่ที่ 300 กว่าบาท แต่นำมาขายต่อกันมากกว่า 900 บาท หรือหนังสือ One2TEN ปั้นพอร์ตจากหนึ่งล้านเป็นสิบล้าน ซึ่งราคาหน้าปกอยู่ที่ 350 บาท ล่าสุดมีคนนำมาขายต่อในราคา 1,500 บาทแล้ว
ขณะที่ ผู้สะสมหนังสือหุ้นและนักลงทุนรายย่อยคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า คนในวงการนักลงทุนหุ้นจะทราบกันดีว่า ราคาหนังสือหุ้นสูงขึ้นต่อเนื่องมานานกว่า 2 ปีแล้ว แม้จะไม่ใช่ทุกเล่ม แต่ส่วนใหญ่ก็มีราคาสูงขึ้นหลายเท่า และบางเล่มราคาสูงถึงหลักหมื่น
ปัจจัยที่ทำให้ราคาหนังสือหุ้นมือสองแพงนั้น แบ่งออกได้เป็น 2 อย่าง คือ ชื่อนักเขียนและนักแปล ซึ่งเป็นคนดังที่มีประสบการณ์ด้านการลงทุนจนประสบความสำเร็จ และมีสำนวนการเขียนหรือการแปลที่เข้าใจง่าย ที่คำศัพท์ที่ใช้ได้กับการลงทุนในชีวิตประจำวัน
ส่วนอีกปัจจัยคือ สำนักพิมพ์มีการพิมพ์หนังสือขายจำนวนครั้งน้อยเกินไป และมีจำนวนจำกัด บางสำนักพิมพ์มีนโยบายพิมพ์หนังสือเพียง 1 ครั้งเท่านั้น ทำให้หนังสือเป็นที่ต้องการมาก จนนำไปสู่การตั้งราคาที่สูงขึ้น
2 เล่มที่เห็นเป็นหนังสือของสำนักพิมพ์ Super Trader Publishing ซึ่งเป็นทั้งสถาบันสอนการลงทุน และคนเขียนเป็นคนที่ประสบความสำเร็จจริง ทำให้คนต้องการมากอยู่แล้ว สำนักพิมพ์ยังมีนโยบายพิมพ์แค่ครั้งเดียวจึงทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม บางกรณีก็มีกลุ่มคนที่ต้องการขายหนังสือต่อเพื่อเก็งกำไรจริง โดยเมื่อสำนักพิมพ์เปิดขาย ก็ไปกว้านซื้อมาหลักสิบเล่ม ก่อนจะนำมาเพิ่มราคา ซึ่งสำนักพิมพ์ก็ไม่ได้มีมาตรการจำกัดการซื้ออย่างจริงจัง เพราะต้องยอมรับว่า มีบางคนก็ซื้อไปแจกคนในกลุ่มไม่ได้เอาไปขายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ หากนักลงทุนคนใดต้องการอ่านหนังสือแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน ก็อาจลองมองหาทางเลือกอื่น ๆ เช่น การเช่าหนังสือ หรือการยืมหนังสือจากห้องสมุด อย่างห้องสมุดมารวย ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งมีให้ยืมทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ได้ โดยไม่ต้องจ่ายเงินหลักพัน