วันนี้ (16 เม.ย.2565) นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความชื่อดัง ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสเกี่ยวกับมุมมองด้านกฎหมายในการสู้คดีอนาจารและข่มขืนว่า ต้องมีหลักฐานที่พิสูจน์ความจริงได้ เช่น คดีที่อยู่บนร้านอาหาร มีคนจำนวนมาก ดังนั้น ต้องมีภาพกล้องวงจรปิดที่ชัดในขณะที่ล่วงละเมิด และต้องมีลักษณะที่ผู้เสียหายขัดขืนด้วย เพราะหากไม่มีลักษณะขัดขืนหรือถูกใช้กำลังประทุษร้ายจะเป็นการสมยอม ก็จะถือว่าไม่มีความผิด
กล้องวงจรปิด ร่องรอยการทำอนาจาร มีพยานรู้เห็น คือสิ่งที่ต้องมั หากไม่มีเลย โอกาสในการดำเนินคดีก็เป็นเรื่องยาก
นายเดชา ยังระบุอีกว่า แนวโน้มทางคดีในขณะนี้ หากผู้เสียหายและผู้ต้องหามีการพูดคุยกันหรือให้เงินเยียวยา จนผู้เสียหายพูดว่า มีการสมยอม คดีนี้ก็จะจบได้ ส่วนผู้ต้องหาคดีอื่น ๆ ทั้งการกระทำอนาจารในคอนโด หรือในที่ลับ ถือว่าคดีขาดอายุความแล้ว เนื่องจากทั้งคดีอนาจารและคดีข่มขืนมีอายุความเพียง 3 เดือนตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ
คดีที่เกิน 3 เดือน ไม่สามารถดำเนินคดีอาญาหรือทำอะไรไม่ได้เลย ทำให้อาจจะเหลือเพียงคดีเดียวที่ยังดำเนินคดีได้ คือ คดีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา
สำหรับการอนาจารเป็นลักษณะพฤติกรรมไม่เหมาะสมทางเพศ เช่น ไปกอดจูบลูบคลำผู้หญิงซึ่งเขาไม่รู้จัก ส่วนข่มขืนตามกฎหมายใหม่หมายถึงกระทำชำเรา หมายถึงการใช้อวัยวะเพศเข้าไปในปาก ช่องทวาร หรือช่องคลอด หรืออวัยวะของผู้หญิง ซึ่งอนาจารโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ส่วนคดีข่มขืนมีโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี
นอกจากนี้ นายเดชา ยังเตือนไปยังสื่อมวลชนให้นำเสนอข่าวด้วยความระมัดระวัง เพราะกรณีนี้ถือเป็นเรื่องส่วนตัว อีกทั้งศาลยังไม่ตัดสิน หากไปบอกว่าคุกคามทางเพศ เป็นคนหื่นกาม อาจจะถูกดำเนินคดีกลับได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยพูดคุยกับคนใกล้ชิดพรรคประชาธิปัตย์ เขาก็บอกว่า มีโอกาสที่จะดำเนินคดีกลับสูงมาก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
คนที่ 5 โผล่เชียงใหม่ แจ้งความอ้างอดีตรองหัวหน้าพรรคลวนลาม
ผู้เสียหายคนที่ 4 แจ้งความรองหัวหน้าพรรค อ้างถูกลวนลาม
"ปริญญ์" มอบตัว สน.ลุมพินี ตร.เตรียมฝากขัง 17 เม.ย.นี้