จากกรณีที่ช่วงหัวค่ำของคืนวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืน ยิงรถอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู บริเวณจุดจอดรถบนถนนเลียบทางด่วนประดิษฐ์มนูธรรม ตัดถนนประเสริฐมนูกิจ ทำให้ได้รับความเสียหายกระจกรถด้านข้างและด้านท้ายแตกเสียหาย
หลังจากเกิดเหตุตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และสามารถติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เมื่อคืนที่ผ่านมา (23 เม.ย.) และนำตัวไปตรวจค้นรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ ในบ้านพักย่านนวมินทร์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็ก สีแดงดำ ทะเบียน 3 ขฆ 8640 กรุงเทพมหานคร พร้อมกับปืนที่ใช้ก่อเหตุ หลังได้นำไปทิ้งไว้ที่พงหญ้าข้างทาง พบว่าเป็นปืนขนาด จุด 380 พร้อมแมกกาซีน 2 แม็ก และกระสุนอีก 11 นัด
วันนี้ (24 เม.ย.2565) พ.ต.อ.พรทวี สมวงศ์ ผกก.สน.โชคชัย เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน ได้ขอศาลอาญาออกหมายจับ นายธีระวัฒน์ วิจารณ์กุล หรือ ฝิ่น อายุ 31 ปี ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นแล้ว
ในส่วนของรายละเอียดคดี มีรายงานว่า การทำงานของฝ่ายสืบสวนได้สืบสวนจนทราบตัวผู้ต้องสงสัย และพบว่ามีที่อยู่ในย่าน ถ.นวมินทร์ จึงมีการเชิญตัวมาสอบปากคำ และยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง
ผู้ก่อเหตุอ้างว่า ถูกอาสาสมัครคันอื่น ขับรถปาดหน้าบริเวณ ถ.เลียบทางด่วนประดิษฐ์มนูธรรมขาออก ทำให้ไม่พอใจจึงกลับไปที่บ้านพักซึ่งอยู่ไม่ไกล นำอาวุธปืนกลับมายิง โดยยืนยันว่าจะยิงเพียงรถ ไม่ตั้งใจยิงคน และไม่ได้เป็นเรื่องบาดหมางระหว่างมูลนิธิฯ เพราะไม่ได้เป็นอาสาสมัครมูลนิธิใด และไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับงานอาสามูลนิธิใด ๆ ซึ่งการยิงในครั้งนี้เป็นการตั้งใจยิงรถอาสาสมัคร โดยไม่ได้เจาะจงว่าเป็นรถใคร
ขณะที่ตัวแฟนสาวของผู้ก่อเหตุรายนี้ ไม่เชื่อว่าแฟนหนุ่มจะลงมือยิงเพียงเพราะเรื่องปาดหน้าตามที่ให้การ เชื่อว่าน่าจะมีการจ้างงานจากบุคคลอื่น
ซึ่งสอดคล้องกับที่สถานีตำรวจ มีกลุ่มอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจ ในจำนวนนี้มีคนที่รู้จักกับผู้ก่อเหตุ เนื่องจากมีบ้านพักอยู่ในละแวกเดียวกัน ได้โทรศัพท์แล้วเปิดลำโพงให้พูดคุยผ่านด้านหลังห้องควบคุมผู้ต้องหา โดยระบุขอให้รับสารภาพว่า ไปรับงานยิงมาจากบุคคลใดมา แต่ผู้ก่อเหตุบอกเพียงว่า "วันจันทร์เดี๋ยวก็มีคนมาประกันตัว"
ส่วนบรรยากาศ ที่ สน.โชคชัย ในช่วงเช้าวันนี้ มีกลุ่มอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู มาเฝ้าติดตามที่บริเวณด้านข้าง สน. นอกจากนี้ยังมี พ่อและแม่ของผู้ต้องหาเดินทางมาเพื่อขอเข้าพบในช่วงเช้า ส่วนประวัติของผู้ก่อเหตุรายนี้พบว่า พึ่งพ้นโทษในคดีฆ่าผู้อื่น และปัจจุบันทำอาชีพเกี่ยวกับการเก็บเงินกู้และเป็นพนักงานส่งของจากแอปพลิเคชันแห่งหนึ่ง
"ผู้เสียหาย" ให้ข้อมูลเพิ่มเติม
ต่อมาเวลา 12.30 น. นายชยธร ส่งศิริประดับบุญ หรือ เบิร์ด อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายยิงใส่รถตู้กู้ภัย เดินทางมา สน.โชคชัย เพื่อเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมในคดี หลังทราบว่าทางตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุในคดีนี้ได้
นายชยธร ยืนยันว่า ตนเองต้องการเดินทางมาพบกับเจ้าของคดี เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่ผู้ต้องหาอ้างว่าถูกขับรถปาดหน้า ยืนยันว่าไม่ได้ขับรถปาดหน้าใคร และจุดที่ผู้ต้องหาอ้างว่า มีการปาดหน้า ตนเองก็ไม่ได้ผ่านจุดดังกล่าวมา
ซึ่งสามารถตรวจสอบเส้นทางของรถตนเอง ได้เนื่องจากมีการติดตั้งระบบติดตาม GPS รวมถึงที่บอกว่ามีการอ้างว่าถูกบีบแตรใส่ ยืนยันได้ว่ารถตนเอง ไม่มีแตร เนื่องจากเสียมาสักระยะหนึ่งแล้ว
แต่จากการได้ดูรถจักรยานยนต์ ยืนยันได้ว่ามีรูปพรรณตรงกับที่ตนเองเห็นในวันเกิดเหตุ แต่ทะเบียนยืนยันไม่ได้ เพราะที่เกิดเหตุมืด มองป้ายทะเบียนไม่ชัด
ส่วนประเด็นที่ผู้ต้องหาอ้างว่า ต้องการยิงแค่ตัวรถ ไม่ได้จะยิงคน ตนเองไม่เชื่อ เพราะตอนแรกตนเองเห็นว่าผู้ต้องหาเล็งปืนมาที่ตนเอง ก่อนจะยิงเข้าที่รถ และแนวปืนและจุดที่ยิง ไม่ได้อยู่ห่างมากนัก จึงเชื่อว่าเป็นการจงใจยิงใส่ตนเอง
ทั้งยังยืนยันว่า ส่วนตัวไม่เคยมีปัญหากับใคร ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องการปฏิบัติหน้าที่อาสาสมัคร ยอมรับว่า การถูกยิงก็ทำให้เกิดความกลัว แต่จะไม่หยุดช่วยเหลือคนเจ็บ และจะทำงานด้านอาสาสมัครต่อไป
ครอบครัวผู้ต้องหาเข้าเยี่ยม
มารดาและพี่สาวผู้ก่อเหตุ เดินทางเข้าเยี่ยมในเวลา 12.00 น.จนเสร็จสิ้นเวลาเข้าเยี่ยม เวลา 13.00 น. ก็เดินทางกลับ
พี่สาวระบุว่า น้องชาย เล่าให้ฟังว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงจริง ที่ทำไปเพียงเพราะโมโหที่ถูกปาดหน้า จึงก่อเหตุ แต่ก็ไม่ได้เล่าในรายละเอียดใด ๆ ซึ่งส่วนตัวน้องชายไม่ได้เป็นคนอารมณ์ร้อน และไม่ได้ทำงานมูลนิธิตนเองและมารดาจึงได้บอกกับน้องชายไปว่า ขอให้ยอมรับในสิ่งที่ได้ทำไป
แต่เมื่อถามถึงประเด็นว่า มีประเด็นอื่น ๆ นอกจากเรื่องปาดหน้าหรือไม่ พี่สาวตอบเพียงว่า ได้สอบถามในประเด็นนี้แล้ว แต่น้องชายไม่ได้ตอบคำถามอะไร
เพื่อนผู้ต้องหา คาดรับจ้างยิง
ต่อมาได้มีชายแสดงตัวว่าเป็นเพื่อนสนิทของผู้ต้องหา ชื่อ เอิร์ธ โดยระบุว่า ผู้ต้องหา เคยบอกตนเองก่อนเกิดเหตุว่าเดือดร้อนเรื่องเงิน และช่วงสองสามวันก่อนหน้านี้ เคยเข้ามาหาและเอาปืนมาโชว์ แต่ตอนนั้น ผู้ต้องหาบอกกับตนเองว่า ห้ามจับปืนเด็ดขาด
ส่วนตัวจึงเชื่อว่าเพื่อน น่าจะรับงานมาก่อเหตุ เพราะแค่เรื่องปาดหน้าไม่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องยิงกันได้ ในวันนี้จึงเดินทางมาเพื่อขอเจอผู้ต้องหา และอยากพูดคุยเพื่อให้รับสารภาพทั้งหมด ตามข้อเท็จจริง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตร.เร่งติดตามมือยิง รถอาสาร่วมฯ
ระทึก! รถอาสากู้ภัยถูกชายปริศนายิง ไร้ผู้บาดเจ็บ