วันนี้ (10 พ.ค.2565) หลังการเลือกตั้งระดับประเทศของฟิลิปปินส์เสร็จสิ้นลง ผลการรวบรวมคะแนนในเบื้องต้น ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า ชาวฟิลิปปินส์กำลังจะได้ว่าที่ผู้นำประเทศคนใหม่ ซึ่งเป็นทายาทของอดีตผู้นำเผด็จการเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส
การส่งผลคะแนนจากหน่วยเลือกตั้งต่างๆ เข้ามายังส่วนกลางมีความคืบหน้าไปแล้วมากกว่า 97% ผลคะแนนสำหรับเก้าอี้ประธานาธิบดีตอนนี้ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ หรือบองบอง ได้คะแนนไปแล้วมากกว่า 30 ล้านเสียง
เช่นเดียวกับซารา ดูเตอร์เต ลูกสาวของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนปัจจุบัน ที่ได้คะแนนควบคู่กันมา 30 กว่าล้านเสียงเช่นกัน ทิ้งห่างคู่แข่งที่มีคะแนนมาเป็นอันดับ 2 อย่างไม่เห็นฝุ่น
เลนี โรเบรโด รองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี กล่าวขอบคุณผู้สนับสนุนหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง โดยระบุว่า ตระหนักดีว่าผู้สนับสนุนทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่รักชาติ แต่ความรักที่ว่านี้ไม่ควรถูกทำให้เป็นประเด็นแห่งความแตกแยก
แม้ว่าจะยังมีบัตรเลือกตั้งที่ยังไม่ได้นับคะแนน หรือข้อกังขาเกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้ที่จะต้องได้รับคำอธิบาย แต่โดยสรุปแล้วถือว่าได้เห็นถึงความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่อย่างชัดเจนมากขึ้น ดังนั้นจึงขอให้ผู้สนับสนุนรับฟังเสียงเหล่านี้ เพราะท้ายที่สุดแล้วประเทศนี้เป็นของทุกคนที่ต้องอยู่ร่วมกัน
ถ้อยแถลงของโรเบรโดมีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากคู่แข่งเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ หรือบองบอง มาร์กอส แถลงขอบคุณผู้สนับสนุนที่ต่างเสียสละต่อสู้ร่วมกันมาตั้งแต่ประกาศลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีเมื่อ 6 เดือนก่อน พร้อมทั้งย้ำกับผู้สนับสนุนให้รอดูผลการนับคะแนนเสร็จสิ้นสมบูรณ์ 100%
"บองบอง" จ่อคว้าชัยผู้นำฟิลิปปินส์คนที่ 17
การเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากกว่า 65 ล้านคนประสบปัญหาล่าช้า เนื่องจากเครื่องนับคะแนนขัดข้อง คณะกรรมการการเลือกตั้งฟิลิปปินส์ ระบุว่า พบเครื่องนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งต่างๆ ขัดข้องรวม 533 เครื่อง โดยมีการแก้ไขเปลี่ยนและซ่อมเครื่องไปบางส่วน ระหว่างการเปิดคูหาเมื่อวานนี้ (9 พ.ค.) ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาปลดระวางอุปกรณ์ดังกล่าว เนื่องจากผ่านการใช้งานมานานกว่า 10 ปีแล้ว
ขณะที่เช้านี้ มีรายงานการรวมตัวกันของคนกลุ่มเล็กๆ บริเวณด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งฟิลิปปินส์ เนื่องจากไม่พอใจปัญหาความล่าช้าที่เกิดขึ้นและกังขาผลคะแนนที่รวบรวมได้อย่างรวดเร็ว
ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าทายาทอดีตผู้นำเผด็จการวัย 64 ปีจะกลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 17 ของประเทศฟิลิปปินส์ 36 ปี หลังจากที่ประชาชนชาวฟิลิปปินส์รวมพลังกันโค่นอำนาจเผด็จการผู้พ่อ หรือที่เรียกกันว่า People Power
ส่วนประเด็นที่ยังคงต้องติดตามกันต่อไป น่าจะหนีไม่พ้นเรื่องข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้งและท่าทีของกลุ่มต่อต้านตระกูลมาร์กอสว่าจะออกมาเคลื่อนไหวหลังจากนี้หรือไม่