วันนี้ (17 มิ.ย.2565) เวลา 09.30 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 9/2565 โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมดังกล่าว นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ร่วมกับนายชัชชาติ และนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ว่า การประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ในวันนี้เป็นโอกาสอันดีที่ได้พบผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายกเมืองพัทยา ซึ่งได้คุยกันแล้วและจะร่วมมือกันทำงาน คุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว จะช่วยกันเพื่อพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ก็เข้าใจกันหมด ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น เดินหน้าประเทศไปด้วยกัน
ขณะที่นายชัชชาติ กล่าวว่า พร้อมดำเนินการร่วมกับรัฐบาลเต็มที่ ซึ่งมติ ศบค.ผ่อนคลายขึ้น เป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่สถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายลง และพร้อมร่วมดำเนินงานทุกอย่างกับรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ด้านนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า เมืองพัทยาต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยว และจะเสนอมาตรการต่าง ๆ ผ่าน ศบค.ต่อไป
ขณะที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค. ว่า ได้มีกาปรับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร เป็น "สีเขียว" ทั้งประเทศ สามารถมีกิจการ กิจกรรมผ่อนคลายได้เต็มที่ แต่ต้องมีมาตรการป้องกันและควบคุมโรค 8 มาตรการ
ส่วนการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 02.00 น. ที่ประชุมได้หารือและพบว่ามีกฎหมายที่ต้องให้เลขาฯ สมช. ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค. ศึกษาความเชื่อมโยงถึง 3 ฉบับ ที่ประชุมจึงให้ฝ่ายกฎหมายไปหาข้อสรุป โดยตรวจสอบจากกฎหมายเก่าและหามาตรการผ่อนคลาย ก่อนเสนอ ครม. โดยเร็วที่สุด คาดว่าภายในวันที่ 1 ก.ค.นี้
ทั้งนี้ การยกเลิก Thailand Pass จะเริ่มวันที่ 1 ก.ค. ส่วนการถอดหน้ากากในที่โล่งตามความสมัคร และการปรับพื้นที่สีเขียวทั่วประเทศ ยังไม่ได้ระบุวันชัดเจน ต้องรอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำรายละเอียดและประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มีรายงานว่า ในที่ประชุม ศบค. นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแนะนำและต้อนรับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายกเมืองพัทยา ที่เข้าร่วมประชุม ศบค.เป็นนัดแรก โดยมีข้อสั่งการในการประชุม ศบค. และย้ำถึงมาตรการ Universal Vaccination การรับวัคซีนทั้งเข็มปกติและเข็มกระตุ้นในประชาชนทุกกลุ่มให้ครอบคลุมไม่น้อยกว่า ร้อยละ 60 เป็น 1 ในเงี่อนไขการเข้าสู่ "โรคประจำถิ่น"
นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า สถานการณ์ COVID-19 ปรับตัวดีขึ้น จึงฝากให้หน่วยงานกลับไปพิจารณาปรับลดการใช้งบประมาณในส่วนที่รองรับผู้ป่วย เช่น โรงพยาบาลสนาม เพื่อประหยัดงบฯ ลงได้ รวมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมและประเมินการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในด้านการท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศ
ในส่วนของการปรับพื้นที่ "สีเขียว" หรือพื้นที่เฝ้าระวังทั่วประเทศ ให้ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้ เปิดสถานบันเทิงและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ตามกฎหมายกำหนด เคลื่อนย้ายแรงงานข้ามชาติได้ตามปกติ จำกัดการรวมกลุ่มไม่เกิน 2,000 คน หากเกินต้องแจ้งคณะกรรมการฯ ซึ่งแม้จะมีมาตรการผ่อนปรน แต่ต้องใช้มาตรการ 2 U คือ Universal Prevention และ Universal Vaccination