วันนี้ (22 มิ.ย.2565) รายงานข่าวจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ระบุว่า โรงกลั่นของกลุ่ม ปตท.พร้อมจะให้ความร่วมมือให้นำส่งกำไรค่าการกลั่นน้ำมันดีเซล การจัดเก็บค่าการกลั่นน้ำมันเบนซิน และโรงแยกก๊าซ เพื่อเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่า แต่ก็อยากให้รัฐกำหนดอัตราที่เหมาะสม ซึ่งที่ผ่านมา ปตท.ให้ความร่วมมือ และให้การช่วยเหลือกับประชาชนในกลุ่มเปราะบาง
ส่วนสถานะที่ ปตท.เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีนักลงทุน และ ผู้ถือหุ้นเกี่ยวข้องหลายภาคส่วน ได้รับการสอบถามจากนักลงทุน โดยเฉพาะต่างประเทศ ถึงนโยบายดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถอธิบายได้ เพราะบทบาทหนึ่ง คือ การดูแลด้านสังคมสอดคล้องกับเทรนด์ของโลก โดยการทำธุรกิจต้องมีนโยบายเรื่องของ ESG
นายคุริจิต นาคทรรพ ผู้อำนวยการสถาบันปิโตรเลียม มองว่า ในช่วงวิกฤตสงครามต้องถือเป็นความผิดปกติที่เกิดทั่วโลก และต้องตระหนักว่า ต้องมีน้ำมันใช้ไม่ขาดแคลน เพราะหากมาตรการรัฐไปกระทบต่อการตัดสินใจในการสั่งน้ำมันเข้ามากลั่นแล้วได้ผลิตภัณฑ์ออกมาน้อยลงมันจะเกิดความขาดแคลน ภาครัฐต้องคำนึงถึงส่วนนี้ด้วย
ขณะที่ กลุ่ม ปตท.เห็นว่า ประเด็นสำคัญในช่วงที่ราคาน้ำมันสูง คือ การประหยัด เพราะหากทั้งโลกช่วยกันประหยัดพลังงานลงได้ร้อยละ 5 จะช่วยลดการนำเข้าน้ำมันในภาพรวมได้ถึง 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 790 ล้านลิตรต่อวัน จะช่วยให้สถานการณ์ความต้องการใช้กับการผลิตที่ไม่สมดุลกันนั้นลดลง ความต้องการใช้จะขาดแคลนเพียง 2-3 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือ 300 - 474 ล้านลิตร
ด้านนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานได้หารือกับกลุ่มผู้ประกอบการโรงกลั่นอย่างต่อเนื่อง โดยเชิญกลุ่มโรงกลั่น 6 โรงกลั่น พร้อมยืนยันว่า ทั้ง 6 โรงกลั่น มีความตั้งใจให้ความร่วมมือ ภายใต้วิธีการที่จะไม่ขัดกฎหมาย เนื่องจากกลุ่มโรงกลั่นจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงขอให้กระทรวงพลังงานตรวจสอบข้อกฎหมายอย่างรอบคอบ ต้องไม่กระทบกับผู้ถือหุ้น จึงต้องมีการหารือกันอีกครั้ง โดยต้องได้ข้อสรุปภายใน 1-2 สัปดาห์นี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปลัดพลังงานคาด 1-2 สัปดาห์ได้ข้อสรุปแบ่งกำไรโรงกลั่นน้ำมัน