ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

รวบชาวต่างชาติ-คนเรือแจ้ง 5 ข้อหาจับปลานกแก้วเขตอุทยานฯ

สิ่งแวดล้อม
16 ส.ค. 65
10:35
1,062
Logo Thai PBS
รวบชาวต่างชาติ-คนเรือแจ้ง 5 ข้อหาจับปลานกแก้วเขตอุทยานฯ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กรมอุทยานฯ รวบนักท่องเที่ยวชาวเนเธอร์แลนด์ เจ้าของคลิปจับปลานกแก้ว ปลาไหลมอเรย์ถือโชว์ในหมู่กาะพีพี จ.กระบี่ หลังหนี 5 วันได้ที่ จ.ภูเก็ต โดน 5 ข้อหาหนักความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานฯ จับสัตว์ ล่าสัตว์ ฝ่าฝืนระเบียบ โทษหนักจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท

กรณีพบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โพสต์คลิปวิดีโอลงบนสื่อออนไลน์ TikTok พบปลาไหลมอเรย์ 1 ตัว และปลานกแก้ว 2 ตัว ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา และพบว่าอยู่ที่เกาะพีพีเล อุทยานเเห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่

วันนี้ (16 ส.ค.2565) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โพสต์เฟสบุ๊ก TOP Varawut -ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา ระบุว่า

จับได้แล้วมือยิงปลานกแก้วในอุทยานแห่งชาติ เตรียมขยายผลถึงผู้ให้เช่าเรือ ปืนยิงปลา
ภาพ : อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

ภาพ : อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

ภาพ : อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

อุทยานฯแจ้ง 5 ข้อหานักท่องเที่ยว-คนเรือ 

นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์ ไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า สามารถตามตัวนักท่องเที่ยวที่ปรากฎในคลิปจับปลาในเขตอุทยานฯได้แล้วในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และนำตัวไปสอบปากคำ

เบื้องต้นเขาอ้างว่า ไม่รู้ว่าเป็นเขตอุทยานฯ แต่เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจน จึงมอบหมายให้หัวหน้าอุทยานหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี แจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้านนายฑีฆาวุฒิ ศรีบุรินทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี  กล่าวว่า หลังจากใช้เวลา 5 วัน ตั้งแต่มีคลิป ทางอุทยานฯ ร่วมกับตำรวจในพื้นที่จ.กระบี่ ตำรวจท่องเที่ยวสามารถติดตามตัวนักท่องเที่ยวชื่อ Mr.Roslan Benedia สัญชาติเนเธอร์เเลนด์ ที่หลบหนีจาก จ.กระบี่ มาที่จ.ภูเก็ต และรวบตัวได้เมื่อวานนี้ (15 ส.ค.)

นักท่องเที่ยว อ้างว่าไม่รู้ว่าเขตอุทยานฯ แต่ยอมรับสารภาพทั้งหมด มีการแจ้งข้อหานักท่องเที่ยว และกัปตันเรือโดน 5 ข้อหาฐานความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 ซึ่งมีโทษทั้งปรับ และจำคุก ตอนนี้ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน เบื้องต้นจากพาสปอร์ตจะอยู่ในไทยถึงวันที่ 21 ส.ค.นี้
ภาพ : อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

ภาพ : อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

ภาพ : อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

จ่อพักใบอนุญาตคนเรือ-เจ้าของเรือชั่วคราว 

หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี กล่าวว่า การกระทำของนักท่องเที่ยวคนนี้ถือเป็นการดูถูกคนไทย การที่ตกปลาและถ่ายภาพคลิปลงโซเชียล และอ้างว่าไม่รู้ ฟังไม่ขึ้น เพราะเข้ามาในเขตอุทยานฯ ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ และมีการทำป้ายเตือนระเบียบต่างๆ ทั้ง 3 ภาษา เรื่องนี้เป็นผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ที่มีนักท่องเที่ยวที่ไม่ทำตามระเบียบคิดเป็น 0.1 % 

ส่วนกัปตันเรือ และเจ้าของเรือได้เข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนแล้ว และให้ความร่วมมือกับตำรวจและทางอุทยานฯเป็นอย่างดี แต่จะต้องถูกทำทัณฑ์บนไว้ โดยอาจจะมีการพักใช้ใบอนุญาติประกอบกิจการเรือท่องเที่ยวชั่วคราว เพื่อให้หลาบจำ

นายฑีฆาวุฒิ กล่าวว่า สำหรับผู้ประกอบการอยากให้ปฎิบัติตามเงื่อนไขและระเบียบการเข้าใช้พื้นที่ในอุทยานแห่งชาติเพื่อให้การท่องเที่ยวยั่งยืน เพราะหลังจากเปิดการท่องเที่ยว และเริ่มมีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาหลังโควิด-19 แนวโน้มการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว

ทั้งนี้เกาะพีพี มีการจำกัดนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ต่อรอบบริเวณอ่าวมาหยาและรอบพื้นที่ไม่เกินชั่วโมงละ 375 คนหรือทั้งวัน 4,125 คน เพื่อลดความแออัดและลดผลกระทบต่อระบบนิเวศ

อ่านข่าวเพิ่ม เอาผิดเจ้าของเรือ-ชาวต่างชาติ #ฝรั่งจับปลานกแก้ว

ภาพ : อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

ภาพ : อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

ภาพ : อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

เปิดข้อหาความผิดคนเรือ-นักท่องเที่ยว 5 ข้อหาหนัก

1.มาตรา 19 (2) ฐานเก็บหา นำออกไป ทำด้วยประการใด ๆ ให้เป็นอันตรายซึ่งทรัพยากรธรรมชาติอื่น หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ บทกำหนดโทษมาตรา 42 ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ

2.มาตรา 19 (3) ฐานล่อหรือนำสัตว์ป่าออกไปหรือกระทำให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ป่าด้วยประการใด ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ บทกำหนดโทษมาตรา 43 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

3.มาตรา 19 (7) ฐานนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใด ๆ เข้าไปในอุทยานแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ บทกำหนดโทษมาตรา 45 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

4.มาตรา 20 ฐานบุคคลซึ่งเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้สั่งให้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด บทกำหนดโทษมาตรา 47 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท

5.มาตรา 40 ผู้ใดกระทำการหรืองดเว้นกระทำการไม่ว่าจงใจหรือประมาทเลินเล่อโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติ ผู้นั้นต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐตามมูลค่าทั้งหมดของทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกทำลาย สูญหาย หรือเสียหายไปนั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตามหาชาวต่างชาติลอบจับ "ปลานกแก้ว" เกาะพีพีเล

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง