วันนี้ (27 ต.ค.2565) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและ ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (ฟรุ้ทบอร์ด) เปิดเผยผ่านรายการ Newsroom Daily รายการออนไลน์ของไทยพีบีเอส ว่า กรณีมีข่าวการโยกย้ายนายชลธี นุ่มหนู ผอ.สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 (สวพ.6) ไปดำรงตำแหน่ง ผอ.กองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช ว่า
แม้การโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการจะเป็นอำนาจของผู้บริหารกรมวิชาการเกษตร ในส่วนฟรุ้ทบอร์ดไม่มีอำนาจก้าวก่ายแทรกแซงการบริหารงานบุคคล แต่ฟรุ้ทบอร์ดมีสิทธิที่จะรับทราบถึงการเปลี่ยนแปลงบุคลากรที่มีบทบาทหน้าที่สำคัญ ภายใต้การบริหารจัดการผลไม้ของฟรุ้ทบอร์ด เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าการทำงานภายใต้นโยบายสำคัญๆ ของฟรุ้ทบอร์ดจะไม่เกิดปัญหา
เนื่องจากมีข้อกังวลจากหลายฝ่าย ตำแหน่งสำคัญในระดับพื้นที่ ดังนั้นเชิญอธิบดีมาชี้แจง และมีข้อในฟรุ้ทบอร์ดถึงการแทรกแซงการโยกย้ายครั้งนี้ โดยอธิบดีกรมวิชาการเกษตรยืนยันว่าไม่มีการแทรกแซงไม่ว่าจากกลุ่มผู้มีอิทธิพล หรือกลุ่มนักการเมือง เป็นการโยกย้ายตามฤดูกาล ซึ่งนายชลธี จะครบวาระ 4 ปี ที่ทราบกันอยู่แล้วว่าเดือนตุลาคม จนถึงปลายปี เป็นช่วงฤดูกาลปกติของการโยกย้ายราชการ
และที่สำคัญนายชลธีรับราชการในจังหวัดจันทบุรีเพียงจังหวัดเดียว รวมนาน 31 ปี นอกจากนี้เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ
นายอลงกรณ์ ยังกล่าวว่า คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (ฟรุ้ทบอร์ด) ได้กำหนดนโยบายเรื่องการปราบปรามการสวมสิทธิ์ทุเรียนไทย มังคุดไทย รวมถึงการปราบทุเรียนอ่อน เนื่องจากถือว่านโยบายการยกระดับผลไม้ไทยสู่ระดับมาตรฐาน เป็นนโยบายที่สำคัญ ตั้งแต่ปี 2562 จึงทำให้มีการตั้งหน่วยต่างๆ ขึ้นมา
จนที่สุดก็ประสบความสำเร็จ 3 ปีที่ผ่านมาสามารถส่งออกผลไม้ไทยได้ 2-3 หมื่นล้านต่อปี ส่งออกทุเรียนทะลุ 1 แสนล้าน ได้เป็นครั้งแรก และเป็นสินค้าที่ส่งออกอันดับ 1 ของประเทศ แซงยางพารา ข้าว มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ด้วยมูลค่ากว่า 2 แสนล้าน นอกจากนี้และสามารถยึดครองสัดส่วนทางการตลาดผลไม้ในจีนได้เป็นอันดับ 1 เพราะฉะนั้นต้องการยกระดับมาตรฐานและคุณภาพขึ้นไปอีก
อีกทั้งตำแหน่งใหม่ไม่ใช่ตำแหน่งดูเพียงไม่กี่จังหวัดภาคตะวันออกเหมือนกัน สวพ.6 แต่เป็นการดูแลทั้งประเทศและเป็นกองพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าพืช ผัก ผลไม้ และออกใบอนุญาต GAP และ GMP ทั้งประเทศ เนื่องจากนายชลธีเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ความรู้และต้องการคนที่มีความสามารถไปทำงานตรงนี้
ผมไม่ทราบว่าเหตุใดที่คุณชลธีคิดว่าถูกกลั่นแกล้ง อีกทั้งพี่ชายคุณชลธีเป็น ส.ส จ.ตราด ถ้าเอาการเมืองไปเกี่ยวข้อง หรือคิดว่าการเมืองเข้าไปแทรกแซง ตั้งแต่ปี 2562 ก็คงย้ายไปนานแล้ว
ส่วนกรณีที่นายชลธีได้ประกาศไว้ตั้งแต่แรกว่าถ้าหากโดยโยกย้ายจะลาออกจากราชการ เนื่องจากต้องดูแลคุณแม่นั้น นายอลงกรณ์ระบุว่า
ในแง่ของราชการคงไม่ได้ แต่มองในแง่ของคุณธรรม ความกตัญญู และยังมีพี่น้องที่ช่วยดูแลได้ ไม่ทราบว่าเพราะเหตุผลอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องการเมืองผมยืนยันได้ว่าไม่มีแน่นอน
ในส่วนของการจับทุเรียนอ่อนและมีการอ้างว่าเป็นของที่ปรึกษา นั้นนายอลงกรณ์ ระบุว่า ตนเป็นคนสั่งการเดี่ยวนั้นทันทีที่ทราบและ ให้จับดำเนินคดีเด็ดขาด
ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นที่ปรึกษาคนไหน อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แม้จะเป็นญาติพี่น้องก็ต้องจับ แต่คุณชลธีกลับไม่จับ ซึ่งผมแปลกใจมาก โดยบอกว่าไม่มีอำนาจ ซึ่งผมได้ให้นโยบายไปแล้วต้องไม่มีการลูบหน้าปะจมูกเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเป็นล้งใหญ่ขนาดไหน ใครจะอยู่เบื้องหลัง กวาดล้างให้หมด ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นเคสเดียวที่ถือว่าเป็นปัญหาจริงๆ ของการปฏิบัติ แต่ไม่เป็นไรมีหน้าที่บริหารก็ต้องแก้ไข
ส่วนกรณีการสวมสิทธิ์บางกรณีจับแล้วกลับเงียบหายไป และหลายคดีที่จับแล้วไม่ถึงที่สุด จุดนี้คือจุดอ่อน หรือ เพราะเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ซึ่งมองว่าอาจเป็นอิทธิพลเงิน
นายอลงกรณ์ ยังระบุว่านายชลธีเป็นบุคคลที่มีความสามารถ อยู่ในพื้นที่กับเกษตรกรมานาน เป็นธรรมดาที่จะมีความผูกพัน แต่การโยกย้ายเป็นการไปปฏิบัติหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น ขอบเขตการทำงานจะกว้างขึ้น จะเกิดประโยชน์กับประเทศชาติ และประชาชน และสร้างโอกาสที่จะก้าวขึ้นไปสู่ตำแหน่งรองอธิบดี
ส่วนเรื่องการอุทธรณ์เป็นเรื่องของอธิบดีของกรมเป็นผู้พิจารณาแต่ผมเชื่อว่าข้าราชการเมืองมีโอกาสสร้างคุณประโยชน์ให้มากขึ้น ก็ควรเดินหน้าต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
“ชลธี” ระบุถูกผู้มีอิทธิพลบีบให้ถูกย้ายพ้น ผอ.สวพ. 6 จ่อลาออก
“ฟรุ้ทบอร์ด” เชิญอธิบดีกรมวิชาการเกษตรชี้แจงปมโยกย้าย “ชลธี”
กรมวิชาการเกษตร ยืนยันย้าย "ชลธี" เพราะครบวาระ 4 ปี ชี้ตำแหน่งใหม่ใหญ่ขึ้น