การปาดหน้าเอาชนะได้ 2 ครั้งซ้อนของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ในการพิจารณาร่างกฎหมายสุราก้าวหน้า หรือเหล้าเสรี เมื่อวันก่อน ทั้งแบบเสียบบัตรและขานชื่อเป็นรายบุคคล สะท้อนความเข้มแข็งของฝ่ายรัฐบาล โดยกุมเสียงข้างมากในสภาไว้ได้ แม้บางส่วนบางคนอาจแตกแถวบ้างเล็กน้อย เมื่อพื้นที่ที่ตนเองเป็น ส.ส.อยู่ เป็นพื้นที่ของผู้มีภูมิปัญญาเรื่องการทำเหล้า หรือสุราพื้นบ้านอื่น ๆ
ดังคำพูดของนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.ก้าวไกล ผู้เสนอร่างกฎหมายดังกล่าว ที่ยอมรับว่าเสียเหลี่ยม “ผู้เฒ่าในทำเนียบ”
ใครเป็นผู้เฒ่าในทำเนียบ? จะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ หรืออาจเป็นรองนายกฯ หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล แต่มีนัยทางการเมือง เป็นการเตือนให้ทราบว่า จะมองข้ามหรือดูแคลน “ผู้เฒ่า” ไปไม่ได้
เพราะหาไม่แล้ว จู่ ๆ คงไม่มีร่างแก้ไขกฎกระทรวงการคลัง เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พิจารณาราวกับเนรมิตได้ทันที ทั้งที่กฎกระทรวงเดิมออกมาตั้งแต่ปี 2560
เช่นเดียวกับกฎกระทรวงมหาดไทย ที่เปิดช่องให้นักลงทุนต่างชาติ สามารถซื้อที่ดินไทยได้คนละ 1 ไร่ ในเขตเมืองทั้งกรุงเทพฯ พัทยา และเขตเทศบาลทั่วไป แลกกับเงินลงทุน 40 ล้านบาท หรือประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ที่น่าจับตานับจากนี้ไป คือชัยชนะจากผลโหวต ส.ส.ดังกล่าว จะเป็นชัยชนะแบบยั่งยืนถาวรหรือไม่ เพราะอีกไม่นานจากนี้ จะถึงการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งใหญ่ ที่พรรคฝ่ายค้านพยายามจุดพลุว่า จะเป็นวันที่ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ชี้ขาดว่า จะให้รัฐบาลชุดนี้ไปต่อหรือไม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคแกนหลักอย่างพลังประชารัฐ ที่ถูกเชื่อมโยงถึง “ผู้เฒ่า” ในทำเนียบฯ โจทย์ใหญ่ในศึกเลือกตั้งครั้งหน้า
นอกจากเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ ค่าน้ำมันแพง และอีกสาระพัดแล้ว ยังต้องอธิบายและทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ ทั้งเรื่องเหล้าเสรี เรื่องกัญชาเสรี และสำคัญที่สุด หากยังไม่ยอมถอย คือเรื่องขายที่ดินให้คนต่างชาติ วลี “ขายแผ่นดิน”-“ขายชาติ” จะปลิวว่อน
ซึ่งจะเรื่องหนักที่สุด ท้าทาย และพิสูจน์ฝีมือ ของ”ผู้เฒ่า”ในทำเนียบ อย่างแท้จริง