วันนี้ (25 พ.ย.2565) นายวิชิต ดำมี เจ้าของสวนทุเรียนทวาย จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ทุเรียนทวายหรือทุเรียนนอกฤดู ใน อ.ท่าศาลา และ อ.นบพิตำ กำลังทยอยเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งแต่ละปีจะขายได้ราคาดีมาก แต่ปีนี้ราคาตกต่ำกว่าปีที่ผ่านมา เพราะการเร่งเก็บผลผลิตก่อนกำหนด เพื่อให้ทันกับความต้องการของตลาดจีน ทำให้ราคาตกอย่างรุนแรง จากราคาหน้าสวน กิโลกรัมละ 250-260 บาท เหลือเพียงกิโลกรัมละ 90-120 บาท ซึ่งมองว่าปัญหานี้ไม่ได้รับความใส่ใจจากหน่วยงานควบคุมมาตรฐาน
เช่นเดียวกับสวนทุเรียนอีกหลายแห่งใน จ.นครศรีธรรมราช พบว่าผู้รับซื้อกำลังเร่งเข้าตัดเก็บเกี่ยวผลทุเรียนตามคำสั่งซื้อ
เจ้าของสวนบางคนพยายามควบคุมคุณภาพให้ได้ทุเรียนแก่จัดอายุ 120 วัน นับตั้งแต่ดอกทุเรียนเริ่มบาน แต่บางสวนเร่งตัดทุเรียนที่อายุ 90-100 วัน ทำให้เนื้อทุเรียนมีลักษณะ “เนื้อใบจาก” คือยังอยู่ในลักษณะเป็นทุเรียนอ่อน
นายประพันธ์ แดงพรม ผู้ช่วยเลขาสมาพันธ์ทุเรียนแห่งประไทย และอุปนายกชาวสวนทุเรียน จ.นครศรีธรรมราช ระบุว่าปัญหาทุเรียนอ่อนเกิดขึ้นทั้งทุเรียนทวายและทุเรียนในฤดู เพราะราคาดี ตลาดมีความต้องการสูง
ที่ผ่านมาสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร 7 หรือ (สวพ.7) รับทราบปัญหา แต่ต้องยอมรับว่าจำนวนเจ้าหน้าที่มีไม่เพียงพอ ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือจากเกษตรกรแจ้งเบาะแสการตัดทุเรียนอ่อน
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ระบุว่าปัญหาทุเรียนอ่อนใน จ.นครศรีธรรมราช มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ สวพ.7 เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
จีนเป็นตลาดหลักของทุเรียนไทยปี 2564 การส่งออกทุเรียนสดไปจีน จำนวน 875,097 ตัน คิดเป็นมูลค่า 109,205 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 68.4 สูงสุดเป็นประวัติการณ์