การหารือระหว่างการเยือนที่จะกินเวลาถึง 3 วัน หนึ่งในหัวข้อที่ถูกจับตานั้นหนีไม่พ้นจุดยืน 12 ข้อของจีน ที่เป็นเสมือนข้อเสนอสันติภาพ ประกาศออกมาเพื่อแก้วิกฤตความขัดแย้ง และการเดินทางเยือนในครั้งนี้ได้รับการจับจ้องอย่างมากจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่หวังให้ผู้นำจีนช่วยกดดันรัสเซียให้ยุติสงคราม
สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เดินทางถึงสนามบินนานาชาติในกรุงมอสโกของรัสเซียเมื่อเวลาประมาณ 13 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่นหรือประมาณ 17 นาฬิกาตามเวลาประเทศไทย ท่ามกลางการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งถือเป็นการเปิดฉากการเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ
หลังจากนั้นได้เดินทางต่อไปเพื่อพบกับวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ก่อนที่จะเจอหน้ากัน ซึ่งถือเป็นการเดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการครั้งแรกของผู้นำจีนนับตั้งแต่เกิดสงครามในยูเครน และสียังถือเป็นผู้นำคนแรกที่ได้เจอและจับมือกับปูตินหลังจากถูกศาลอาญาระหว่างประเทศออกหมายจับในข้อหาก่ออาชญากรรมสงคราม
ทั้งคู่ได้พูดคุยถึงประเด็นปัญหาต่าง ๆ อย่างไม่เป็นทางการ ก่อนที่การประชุมอย่างเป็นทางการโดยมีผู้แทนจากทั้ง 2 ฝ่ายเข้าร่วมประชุมด้วยจะมีขึ้นในวันนี้ (21 มี.ค.66)
นอกจากนี้ ผู้นำทั้ง 2 คน ยังได้รับประทานอาหารเย็นร่วมกัน โดยมีรายงานว่า มื้อเย็นที่ว่านี้มีทั้งสิ้น 7 คอร์ส ประกอบไปด้วยอาหารพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อของรัสเซีย ทั้งปลา nelma จากแม่น้ำ Pechora ทางตอนเหนือของรัสเซีย ซุปอาหารทะเลแบบดั้งเดิมของรัสเซีย และแพนเค้กกับไข่นกกระทาพร้อมด้วยไวน์รัสเซีย
ขณะที่ตั้งแต่ก่อนผู้นำจีนเดินทางถึง บริเวณถนนหลายสายรอบกรุงมอสโกต่างเต็มไปด้วยป้ายข้อความที่แสดงการต้อนรับผู้จีนสู่รัสเซียที่จะเดินทางเยือนอย่างเยือนเป็นทางการ 3 วัน จนถึงวันพุธนี้ (22 มี.ค.66) อย่างอบอุ่น โดยมีทั้งข้อความภาษาจีนและรัสเซีย
การเดินทางเยือนรัสเซียของผู้นำจีนครั้งนี้ได้รับการต้อนรับอย่างเป็นขั้นตอนตามระเบียบมาตรฐานของรัสเซียในการต้อนรับบุคคลสำคัญ โดยเริ่มจากการให้รองนายกฯ ไปรอต้อนรับที่สนามบิน โดยมีกองทหารบรรเพลงอย่างสง่างามเพื่อต้อนรับ
ขณะที่ผู้นำรัสเซียรอต้อนรับอยู่ในใจกลางกรุงมอสโก ก่อนที่จะรับประทานอาหารค่ำร่วมกัน ซึ่งใช้เวลาไปกว่า 4.30 ชม. ซึ่งผู้สังเกตการณ์หลายคนมองว่า ภาพนี้ค่อนข้างสวนทางกับที่หลายคนคาด
เนื่องจากตอนนี้รัสเซียกำลังถูกโดดเดี่ยวจากชาติตะวันตก ทำให้ต้องหันไปพึ่งพาจีนมากขึ้นในการสนับสนุน แต่รัสเซียยังคงต้อนรับผู้นำจีนแบบตามระเบียบเช่นเดียวกับผู้นำคนอื่น ๆ
ขณะที่โฆษกรัฐบาลรัสเซีย เปิดเผยว่า ผู้นำรัสเซียจะหารือเกี่ยวกับมุมมองต่อสงครามในยูเครนกับผู้นำจีน รวมถึงข้อเสนอสันติภาพ 12 ข้อที่จีนประกาศเพื่อแก้วิกฤตความขัดแย้งในวาระครบรอบ 1 ปีของสงคราม เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งจุดยืนของจีนครอบคลุมตั้งแต่การร้องขอให้เคารพอธิปไตยของทุกประเทศไปจนถึงการฟื้นฟูพื้นที่ความขัดแย้งหลังสงครามยุติลง
จีนเริ่มแสดงบทบาทของตัวกลางไกล่เกลี่ยความขัดแย้งมากขึ้น หลังจากสงวนท่าทีในสงครามรัสเซีย-ยูเครน ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา โดยหลีกเลี่ยงการประณามรัสเซียมาโดยตลอดและเอื้อประโยชน์ทางเศรษฐกิจด้วยการขึ้นแท่นผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย
ขณะที่ผู้นำจีน ระบุว่า มั่นใจว่าการเยือนครั้งนี้จะประสบผลสำเร็จและเป็นแรงผลักดันครั้งใหม่ในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียให้แข็งแกร่งและมั่นคงยิ่งขึ้น พร้อมทั้งระบุว่า จีนและรัสเซียเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันรวมทั้งเป็นพันธมิตรที่ควรค่าแก่การไว้เนื้อเชื่อใจ
นอกจากนี้ยังระบุว่า รัสเซียที่อยู่ภายใต้การนำที่แข็งแกร่งของปูตินมีความก้าวหน้าในการพัฒนาที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมาก พร้อมทั้งแสดงความมั่นใจว่าชาวรัสเซียจะยังคงให้การสนับสนุนแก่ปูตินต่อไป
ขณะที่แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า โลกไม่ควรจะหลงกลไปกับความเคลื่อนไหวใด ๆ ของรัสเซียที่ได้รับการสนับสนุนจากจีนหรือประเทศอื่นใดที่พยายามจะยุติสงครามด้วยเงื่อนไขที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเอง และการเรียกร้องเพื่อให้มีการหยุดยิงเป็นเพียงแค่การซื้อเวลาเพื่อให้รัสเซียเร่งพัฒนากำลังพลและอาวุธเพื่อกลับมารุกคืบต่อ
ส่วนด้านจอห์น เคอร์บี โฆษกด้านความมั่นคงสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ หวังว่าผู้นำจีนจะกดดันให้ผู้นำรัสเซียยุติการโจมตีเมือง โรงพยาบาล และโรงเรียนของยูเครน ยุติอาชญากรรมสงครามและความโหดร้ายป่าเถื่อน และถอนกำลังออกไป
พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้นำจีนพบกับโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อรับฟังเสียงจากชาวยูเครนโดยตรงไม่ใช่แค่เฉพาะรัสเซีย และยังระบุว่า สหรัฐฯ ไม่รู้ว่าจีนมีแผนที่จะช่วยเหลือทางทหารแก่รัสเซียในสงครามหรือไม่