ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"อภิสิทธิ์" เปิดใจสาเหตุไม่ลงสมัคร ส.ส. หวังรักษาจุดยืนทางการเมือง

การเมือง
22 มี.ค. 66
09:58
1,741
Logo Thai PBS
"อภิสิทธิ์" เปิดใจสาเหตุไม่ลงสมัคร ส.ส. หวังรักษาจุดยืนทางการเมือง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"อภิสิทธิ์" เปิดใจเว้นวรรคทางการเมือง ไม่ลง สมัคร ส.ส. ระบุ ขัดจุดยืนทางการเมืองตนเอง และเพื่อให้เกิดเอกภาพในพรรคและไม่ให้ประชาชนสับสน แต่ยังพร้อมทำหน้าที่สนับสนุนพรรคและช่วยหาเสียง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ (21 มี.ค.2566) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ "คมชัดลึก" ทางเนชั่นทีวี โดยระบุถึงกรณีการประกาศไม่ลงสมัคร ส.ส.บัญชี และไม่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของ พรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่า จริง ๆ แล้วไม่มีเรื่องซับซ้อน หากพิจารณาจากสภาวะแวดล้อม ซึ่งตนเองเป็นทั้ง อดีต ส.ส.และ ลาออกจาก หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว หลังไม่สามารถนำพาพรรคไปสู่เป้าหมายได้

จากนั้น ยังได้ลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.หลังจากที่ พรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจไปร่วมงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองไปหาเสียงในการเลือกตั้งปี 62 โดยพูดกับประชาชนว่า จะไม่ร่วมงานกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้นจึงต้องแสดงความรับผิดชอบและรักษาคำพูด

จากวันนั้นมาถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 4 ปี เมื่อจะมีการเลือกตั้ง รวมถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากจะเชิญอดีตหัวหน้าพรรค และบุคลากรมาลงสมัครรับเลือกตั้ง จากนั้นได้มาพบตนเอง ซึ่งได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน รวมถึงได้พูดคุยกับนายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรค และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค มานั่งคุยกันว่า อะไรจะดีที่สุด

ผมก็บอกหัวหน้าพรรคไปว่า สังคมทราบดีว่า แนวคิดของผมในหลาย ๆ เรื่อง ในระยะหลังไม่สอดคล้องกับการดำเนินงานของพรรคมากนัก ตั้งแต่การเข้าไปร่วมกับรัฐบาล (กับ พล.อ.ประยุทธ์) ถ้าผมลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็จะทำให้เกิดความสับสนได้ และเกิดความไม่เป็นเอกภาพมากขึ้น ซึ่งผมเห็นว่า ไม่น่าจะเป็นผลดีกับพรรค เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะก็เป็นศึกหนักของหลายพรรค รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ด้วย

ดังนั้น หากพรรคเข้าสู่สนามเลือกตั้ง และมีความสับสนหรือไม่มีเอกภาพก็ถือว่าไม่เป็นผลดี ซึ่งเมื่อพิจารณาสิ่งที่เหมาะสมลงตัวที่สุดคือ ตนเองไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส่วนการจะไปช่วยหาเสียงก็เป็นไปตามความต้องการของผู้สมัครแต่ละคน ที่คิดว่าจะช่วยได้หรือไม่ หรือช่วยโดยที่ไม่กระทบกับการทำงานของพรรค

หัวหน้าพรรคกับผมก็เห็นตรงกันว่า ทุกคนจะช่วยหาเสียง แต่อดีตหัวหน้าอีก 2 ท่าน ก็คงจะลงสมัครรับเลือกตั้งต่อไป

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวว่า ผมอาจไม่ได้เสนอ (ว่าจะไม่ลงสมัคร ส.ส.) แต่เป็นการตัดสินใจร่วมกัน ซึ่งตนเองได้พูดตั้งแต่ตนว่า ไม่ประสงค์จะขัดแย้งกับพรรค เพราะฉะนั้นข้อยุติอะไรก็ตามก็อยากให้เป็นข้อสรุปที่ตรงกัน ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนกัน

อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวว่า หากถามว่าอยากเป็น ส.ส.มั้ย ตลอดชีวิตการทำงานของตนเองคือการเป็น ส.ส.หากลงในบัญชีรายชื่อ ก็เชื่อว่าจะอยู่ในอันดับที่จะได้เป็น ส.ส.เพราะฉะนั้น ถ้าคิดแค่ว่า อยากเป็น ส.ส.ก็ไม่มีปัญหาอะไร ตนเองสามารถตอบได้ แต่ตนเองมีหน้าที่คิดถึงองค์กร คิดถึงภาพรวมของพรรค

ถึงแม้ว่าผิวเผินว่า ถ้ามีชื่อผมจะดูว่า ทุกอย่างดูเรียบร้อยดี แต่ข้อเท็จจริง คือ จะมีคำถามจากสังคม เพราะสังคมรับรู้ รับทราบแนวคิดทางการเมืองผมมาตลอด 4 ปี ซึ่งก็ไม่ได้เปลี่ยน ดังนั้นสิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุดในฐานะสมาชิกพรรค คือ สนับสนุนเท่าที่ผมทำได้ แต่การที่เอาผมไปวางในฐานะผู้สมัครน่าจะเป็นปัญหาในเชิงเอกภาพ ประชาชนเริ่มสับสนแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์ คือ อะไร เดี๋ยวเลือกมาอย่างหนึ่งแล้วได้อีกอย่างหนึ่ง

ดังนั้น นี่คือความลงตัวที่เหมาะสมสำหรับผมและพรรค และหากมาไล่เรียงเรื่องเหล่านี้ ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะเข้าใจได้ และถ้าเมื่อวันที่ (20 มี.ค.) เราตัดสินใจร่วมกันว่าจะให้ตนเองลงสมัคร วันนี้ก็จะมีคำถามตามมาอย่างมาก ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้ง หรือไปจนถึงหลังการเลือกตั้ง ซึ่งไม่น่าจะเป็นผลดีต่อพรรค เพราะฉะนั้นผมทำงานผมยึดองค์เป็นหลัก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง