เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2566 โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศภาวะฉุกเฉินในรัฐมิสซิสซิปปี ทางตอนใต้ของประเทศสหรัฐ เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลกลางส่งความช่วยเหลือและสนับสนุนการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยได้อย่างเต็มที่ หลังเผชิญพายุทอร์นาโดพัดถล่มทั่วภูมิภาค เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา
ขณะที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ผู้อำนวยการสำนักงานจัดการภาวะฉุกเฉินกลางของสหรัฐฯ (FEMA) เดินทางลงพื้นที่ประสบภัย เพื่อประเมินความเสียหาย
เช่นเดียวกับผู้ว่าการรัฐมิสซิสซิปปี ที่เดินทางลงพื้นที่และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมระบุว่ารู้สึกเสียใจกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น และเตือนว่าในภูมิภาคยังมีความเสี่ยงและอาจต้องเผชิญพายุระลอกอื่นๆ ตามมาเพิ่มเติม ซึ่งทางการเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว
สำนักข่าวต่างประเทศ ยังได้เผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐมิสซิสซิปปี เผยให้เห็นความรุนแรงของพายุทอร์นาโดอย่างน้อย 1 ลูก ที่พัดถล่มทั่วภูมิภาค เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ความรุนแรงของทอร์นาโดอาจอยู่ที่ระดับ 2 รองจากสูงสุด และถือเป็นพายุทอร์นาโดที่รุนแรงสุดที่รัฐนี้ต้องเผชิญในรอบมากกว่า 10 ปี
สภาพอากาศเลวร้ายที่เกิดขึ้นส่งผลให้หลายพื้นที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เช่น ย่านที่อยู่อาศัยในโรลลิง ฟอร์ค ทางตะวันตกของรัฐ มีสภาพไม่แตกต่างจากสมรภูมิรบ ทุกแห่งเต็มไปด้วยซากปรักหักพังของอาคารบ้านเรือนที่พังถล่ม รวมทั้งซากรถยนต์และต้นไม้ที่ได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง
ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 26 คน ในจำนวนนี้ 25 คนเป็นผู้เสียชีวิตที่อยู่ในรัฐมิสซิสซิปปี และอีก 1 คนเสียชีวิตในรัฐอะลาแบมาที่อยู่ติดกัน ขณะที่ประชาชนอีกหลายร้อยคนไร้ที่อยู่อาศัย ซึ่งทางการท้องถิ่นจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวเพื่อรองรับผูประสบภัยแล้ว 3 แห่ง
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ชาวเมืองและอาสาสมัครจากรัฐใกล้เคียง เดินหน้าเก็บกวาดซากปรักหักพังและประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัย Oklahoma ระบุว่า รัฐมิสซิสซิปปีและภูมิภาคทางตอนใต้ เผชิญพายุทอร์นาโดพัดถล่มอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะช่วงปลายฤดูหนาว ต้นฤดูใบไม้ผลิ แต่ลูกล่าสุดนี้มีความรุนแรงมากกว่าปกติ โดยแรงหมุนพัดเศษซากปรักหักพังขึ้นไปสูงถึง 9,144 เมตร
อ่านข่าวอื่นๆ
พายุทอร์นาโดถล่มสหรัฐ ตายแล้ว 26 คน
ฝรั่งเศสทูลขอกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 เลื่อนเสด็จฯ เยือนหวั่นเหตุประท้วง