จากกรณีการสู้รบในรัฐคะเรนนี ประเทศเมียนมา ตรงข้าม จ.แม่ฮ่องสอน จนทำให้ขณะนี้มีผู้อพยพลี้ภัยสงคราม เดินทางเข้าไทยมาเป็นจำนวนมาก
ทาง จ.แม่ฮ่องสอน ฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานด้านการช่วยเหลือเร่งสร้างที่พักบนพื้นฐานของหลักมนุษยธรรมและจำเป็นต้องจัดระบบภายในศูนย์ให้เหมาะสม หลังผ่านมากว่า 1 สัปดาห์
นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน
นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน เปิดเผยแนวทางการจัดระบบจัดการผู้หนีภัยสู้รบ กับ ไทยพีบีเอส ดังนี้
ให้ความช่วยเหลือกับผู้หนีภัยสู้รบ อย่างไรบ้าง ?
เชษฐา : ให้การช่วยเหลือบนพื้นฐานของหลักมนุษยธรรม และเพื่อความปลอดภัย ผู้ที่หลบหนีภัยจากจากการสู้รบในเมียนมา เข้ามาดินแดนประเทศไทย จ.แม่ฮ่องสอน เป็นผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ซึ่งหลบมาเพราะพื้นที่ที่เขาอาศัยอยู่นั้นมีการยิงสู้รบกัน
ส่วนหนึ่งเป็นผู้สูงอายุ และเด็กเป็นส่วนใหญ่ โดยหอบลูกจูงหลานกันมาเข้ามาบริเวณตามแนวตะเข็บชายแดน ซึ่งต้องช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม จัดพื้นที่ปลอดภัยและเหมาะสมให้อยู่ โดยคำนึงให้ไม่ส่งผลกระทบกับคนไทยและสามารถควบคุมดูแลได้
รวมถึง การดูแลเรื่องปัจจัย 4 ทั้ง อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค โดยที่อยู่อาศัยจะก่อสร้างโดยใช้วัสดุในพื้นที่เป็นหลัก เช่นไม่ไผ่ ซึ่งมีลักษณะค่อนข้างมั่นคง มีลักษณะเป็นหลังและคลุ่มมให้เป็นระบบ หลังคาทำจากผ้าเต้นท์ พื้นที่นอนยกสูง เพื่อป้องกันแมลง รวมถึงมีผ้าห่ม มุ้ง
ขณะที่ อาหารส่วนใหญ่มาจากกาชาดแม่ฮ่องสอน รวมถึงยารักษาโรค นอกจากนี้มีการจัดระบบสุขอนามัย ทั้งน้ำอุปโภคและบริโภค ระบบสุขา การจัดการน้ำเสีย และที่ทิ้งสิ่งปฏิกูลและขยะให้เป็นสัดส่วน
รวมถึง มีการฉีดพ่นยากันยุง เนื่องจากชายแดนมียุงชุกชุม ทั้งนี้เพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออก ไข้มาลาเรีย โรคเท้าช้าง โดยหน่วยงานสาธารณสุขจะเข้าไปดูแลเป็นระยะป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดและเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบคนไทย
ขณะนี้ ยา เวชภัณฑ์ และแพทย์เพียงพอหรือไม่ ?
เชษฐา : เบื้องต้นยังเพียงพออยู่ โดยวันแรก จะจัด 2 จุด มีทั้งหมด 4,000 คน เโดยสริมกำลังเข้าไปในด้านความมั่นคง ดูแลด้านการจัดระบบการแจกจ่ายอาหาร เครื่องนุ่งห่ม จัดกำลังไปเสริม รวมถึงด้านสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์จัดเข้าไปเสริม ณ วันนี้ 4,000 คนยังดูแลเพียงพออยู่
ดูแลผู้ป่วยไข้มาลาเรีย อย่างไรบ้าง ?
ผู้หนีภัยที่ป่วยโรคมาลาเรียจะให้ยารักษา มีการตั้งเต้นท์พยาบาลมีบุคลากรทางการแพทย์ ที่มีความรู้การฉีดพ่นยาป้องกันไม่ให้ขยายหรือระบาดเพื่อป้องกันด้วย หากอาการหนักก็จะส่งไปรักษากับแพทย์ต่อไป
ชุดเครื่องนอน หมอนมุ้ง เพียงพอหรือไม่ ?
เชษฐา : ขณะนี้เพียงพอ แค่ถ้ามีเข้ามาอีกก็อาจต้องขอรับบริจาคเสริมจากประชาชน NGO เอกชน ซึ่งก็เข้ามาช่วยเหลือโดยตลอด
ระบบน้ำอุปโภค บริโภค เพียง พอหรือไม่ ?
เชษฐา : ในระยะยาวมีความกังวลเนื่องจากจะต้องใช้ทรัพยาการจำนวนมาก ซึ่งต้องพูดคุยหารือกันและหาแหล่งน้ำมาเพิ่ม รวมถึงอาหาร ซึ่งเวลานี้ยังเพียงพอแต่มากกว่านี้ คงต้องหารืออีกครั้ง
ขณะที่ การจัดระบบ บ้านเสาหิน อ.แม่สะเรียง และ บ้านพะเข่ อ.ขุนยวม มีจัดระบบ โดยจัดตั้งเป็นโซน เมื่อมีสิ่งของได้รับบริจาคจะมีหัวหน้ากลุ่มทำหน้าที่แจกจ่ายสิ่งของอุปโภคและบริโภค
ทั้งนี้ สัดส่วนผู้อพยพมีแนวโน้มลดลง มีผู้เดินทางเข้ามาราว 10 - 20 คน ต่างจากช่วงแรกที่เดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก
ยอดผู้หนีภัยความไม่สงบในเมียนมา ขณะนี้มีจำนวน 4,071 คน อาศัยในพื้นที่ปลอดภัย 2 จุด ใน บ้านเสาหิน อ.แม่สะเรียง จำนวน 3,226 คน และ บ้านพะเข่ อ.ขุนยวม จำนวน 815 คน
หากสถานการณ์ยืดเยื้อ ต่อไป จะดำเนินการอย่างไร ?
เชษฐา : ผู้หนีภัยสู้รบเดินทางเข้ามาเพื่อความปลอดภัย เมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่ความสงบ ก็จะแจ้งให้เดินทางกลับ ในช่วง 1-2 สัปดาห์ ยังไม่อาจประเมินได้จบสิ้นหรือไม่
สถานการณ์ปัจจุบัน จากติดตามของฝ่ายทหาร ยังมีการสู้รบกันในเมียนมา ระยะห่างจากชายแดนประมาณ 5 - 6 กม. ซึ่งขณะนี้ยังไม่ปลอดภัย และยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผู้อพยพยังเดินทางเข้าไทยต่อเนื่อง หลังครบ 1 สัปดาห์เหตุสู้รบในเมียนมา