ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เมียนมาถล่ม "กะเหรี่ยงคอยาว" หนีตายเข้าไทย "ไทใหญ่" 400 คน ถูกคุมตัว

ภูมิภาค
5 ก.ค. 66
14:00
1,409
Logo Thai PBS
เมียนมาถล่ม "กะเหรี่ยงคอยาว" หนีตายเข้าไทย "ไทใหญ่" 400 คน ถูกคุมตัว
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ยังคงมีการสู้รบอย่างหนักในรัฐคะยา ตรงข้าม อ.เมืองแม่ฮ่องสอน และ อ.ขุนยวม ส่งผลให้มีผู้อพยพเข้ามาไทย กว่า 1,200 คน ด้านเครือข่ายสภาวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน และเครือข่ายชาวไตในแม่ฮ่องสอน เปิดรับบริจาคสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเป็นการด่วน

วันนี้ (5ก.ค.2566) นายประเสริฐ ประดิษฐ์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จากการสู้รบที่บ้านใหม่ยัวติ๊ด ทำให้มีชาวกะเหรี่ยงเผ่าปะต่อง (คอยาว) ในหมู่บ้านหนีเข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านห้วยโปงเลา ตรงข้ามช่องทางบ้านน้ำเพียงดิน ต.ผาบ่อง กว่า 100 คน และอีกกว่า 1,000 คน เป็นชาวคะยา ได้พากันหนีไปอาศัยอยู่ที่บ้านใหม่ ดอยยามู ตรงข้ามบ้านแม่ส่วยอู ต.ผาบ่อง

สำหรับชาวไทใหญ่ ทหารเมียนมาที่เข้ามาควบคุมหมู่บ้านใหม่ยัวติ๊ด จ.บอลาแคะ รัฐคะยา ได้คัดแยกราษฎรในหมู่บ้านที่เป็นคนเชื้อสายไทใหญ่กว่า 400 คน ให้ไปอาศัยอยู่ที่วัด 3 แห่ง คือ วัดจองคำ ป๊อกเหนือ ,วัดหย่องคำ บ้านหอ และ วัดจองหนองแสง ป๊อกตะวันออก

ซึ่งจากสถานการณ์สู้รบที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านใหม่ยัวติ๊ดของ จ.บอลาแคะ รัฐคะยา ทำให้ราษฎรในหมู่บ้านดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านพี่เมืองน้องของชาวแม่ฮ่องสอน และเป็นญาติกันกับคนในฝั่งไทยพื้นที่บ้านห้วยเดื่อ

ทางเครือข่ายสภาวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน และ เครือข่ายชาวไต (ไทใหญ่) ในแม่ฮ่องสอน ขอเปิดรับบริจาคข้าวสารอาหารแห้ง และสิ่งของเครื่องใช้สำหรับเด็กและผู้หญิง ที่ประสบกับภาวะสงคราม

โดยบริจาคได้ที่ บ้านของอาจารย์เก หรือนายประเสริฐ ประดิษฐ์ ที่บ้านห้วยเดื่อ หรือโทร.080-130-4141 เพื่อที่จะได้รวบรวมสิ่งของที่รับบริจาคส่งไปให้ราษฎรในรัฐคะยา ที่กำลังประสบกับภาวะสงคราม และต้องหนีมาอยู่ใกล้เขตไทย ทั้งนี้ยอดผู้ลี้ภัยในไทยล่าสุดอยู่ที่ 4,877 คน

ขณะที่แหล่งข่าวของ กองกำลังกะเหรี่ยงคะยา KA เปิดเผยว่า ขณะนี้ทหารเมียนมา ได้ถูกส่งเข้ามาในพื้นที่ อ.แม่แจ๊ะ และ จ.บอลาแคะ 2 กองพลทหารราบ ประกอบด้วย กองพลทหารราบเบาที่ 44 (พล.ร.เบา 44) และ กองพลทหารราบเบา ที่ 77 ( พล.ร.เบา 77) และมีการสู้รบกันระหว่างกองกำลัง KA ,KNDF และ PDF กับทหารเมียนมาที่เข้ามาใหม่ บริเวณบ้านแม่แจ๊ะ และบ้านใหม่ยัวติ๊ด

อย่างไรก็ตาม ถนนที่เชื่อมระหว่าง จ.บอลาแคะ ไปจนถึง จ.ลอยก่อว์ ขณะนี้ กองกำลัง KA , KNDF และ PDF สามารถควบคุมได้แล้ว ทำให้ทหารเมียนมา ไม่สามารถส่งกำลังบำรุงเข้ามาในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำสาละวิน และรวมไปถึง ในฝั่งรอยต่อรัฐคะยากับรัฐฉาน ตรงข้ามบ้านรักไทย ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน

ทหารเมียนมาในภาคตะวันออกเขตรัฐฉาน ได้พยายามส่งกำลังเข้ามาช่วยเหลือ แต่ยังไม่สามารถเข้ามาในพื้นที่รัฐคะยาได้ การส่งกำลังบำรุงให้กับทหารเมียนมา ทำได้ คือ ใช้เฮลิคอปเตอร์แต่เพียงอย่างเดียว

สำหรับทหารเมียนมาในด้านทิศตะวันออกของรัฐคะยา ติดกับรัฐฉาน ประกอบด้วย พัน คร.514 ฐานดอยสามเมือง, พัน.ร.เบา134, พัน.คร.337 และ พัน.คร.429 ตั้งฐานปฏิบัติการ ตั้งแต่ตรงข้ามช่องทางบ้านดอยแสง ต.ปางหมู ไปจนถึงตรงข้าม ดอยสามเมือง ตรงข้ามบ้านรักไทย ต.หมอกจำแป่

คาดว่าทางทหารกะเหรี่ยงคะยา จะเข้าโจมตีเพื่อกวาดล้างให้ออกไปนอกพื้นที่รัฐคะยา โดยฝ่ายชนกลุ่มน้อยแต่ละรัฐ กำลังพยายามที่จะผลักดันทหารเมียนมาออกจากพื้นที่ของตนเองให้หมดในสิ้นปีนี้

ขณะเดียวกัน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 เป็นต้นมา กองกำลังทหารกะเหรี่ยงคะยา และพันธมิตร สามารถยึดฐานที่มั่นของทหารเมียนมาได้ 8 ฐานที่มั่น และสามารถยึด ปืน ค.120 มม.ของ ทหารเมียนมา สังกัดกองพัน ป.356 ได้จำนวน 6 กระบอก พร้อมด้วยกระสุน ค.ขนาด 120 มม. จำนวน 12,000 นัด (ค.120 มม.1 กระบอกมีกระสุนพิกัดโหลดจำนวน 200 นัด) ประกอบด้วย ฐานแม่แจ๊ะ ปืน ค.120 มม. 2 กระบอก , ฐานฯ ดอยน้ำพอง ตรงข้ามช่องทางห้วยต้นนุ่น จำนวน 2 กระบอก , ฐานฯแม่ตะนอย ใกล้กับผาตั้ง จำนวน 2 กระบอก

ในส่วนของข่าวที่ว่ามีการยิงเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ ของทหารเมียนมาตกบริเวณพื้นที่ บ้านใหม่ยัวติ๊ด โดยกลุ่ม KNPLF (กาลาลาต๊ะ หรือดาวแดง) เป็นข่าวปล่อยทางโซเชียลเท่านั้น

เนื่องจากได้มีการสอบสวน และใช้โดรนบินตรวจสอบจุดที่คาดว่า เฮลิคอปเตอร์ตก ไม่พบซากเครื่องบินแต่อย่างใด เมื่อสอบสวนไปยังทีมหน่วย KNPLF แล้ว ได้อ้างว่าใช้ปืนพกสั้นขนาด .38 มม.ยิงเฮลิคอปเตอร์ ทำให้การค้นหาต้องยุติลง

สำหรับสถานการณ์ที่บ้านใหม่ยัวติ๊ดพบว่า กองทัพอากาศเมียนมาได้ทิ้งระเบิดใส่บ้านเรือนประชาชน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน มีผู้อพยพหนีเข้าสู่ไทย บริเวณช่องทางบ้านน้ำเพียงดิน (เนิน 585) 100 กว่าคน แต่ทางการไทยปฏิเสธ ทำให้ผู้อพยพเหล่านั้นได้พักหลบภัยที่บริเวณที่ราบเชิงเขา เขตพื้นที่บ้านห้วยโปงเลา รัฐคะยา ห่างจากฐานที่มั่นทหารไทยลงไปในเขตรัฐคะยาประมาณ 5 กม.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง