วันนี้ (21 ก.ค.2566) นพ.ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดของโรคมือเท้าปากในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-11 ก.ค.2566 ว่า พบผู้ป่วยมากถึง 22,061 คน ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
สถานการณ์โรคมือเท้าปาก ในเขตสุขภาพที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-8 ก.ค.2566 พบผู้ป่วยสะสม 1,828 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต โดยสถานการณ์โรค 2 เดือนที่ผ่านมา พบผู้ป่วย 856 คน แบ่งเป็น จ.นครราชสีมา พบผู้ป่วยมากสุด 264 คน รองลงมา คือ จ.สุรินทร์ พบผู้ป่วย 253 คน จ.ชัยภูมิ พบผู้ป่วย 171 คน และ จ.บุรีรัมย์ พบผู้ป่วย 168 คน โดยพบผู้ป่วยมากที่สุดในกลุ่มเด็กเล็ก อายุ 2 ปี รองลงมากลุ่มอายุ 3 ปี และกลุ่มอายุ 4 ปี ตามลำดับ
นพ.ทวีชัย กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนนี้ สภาพอากาศจะชื้นและมีฝนตก เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรคมือ เท้า ปากได้ง่าย เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี โดยเฉพาะในศูนย์เด็กเล็กที่มีเด็กอยู่รวมกันจำนวนมาก โรคนี้เกิดได้ตลอดทั้งปี แต่จะเพิ่มมากในช่วงฤดูฝน ติดต่อกันโดยการสัมผัสของเล่นที่เปื้อนน้ำลาย น้ำมูก อุจจาระของผู้ป่วย การไอ จาม หรือหายใจรดกัน
ทั้งนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองต้องหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของลูกหลานอย่างใกล้ชิด และควรคัดกรองอาการของลูกหลานก่อนไปเรียน หากเด็กไม่สบายหรือมีไข้ ควรพาไปพบแพทย์และให้พักอยู่ที่บ้าน
โรคมือเท้าปาก อาการจะเริ่มด้วยไข้ต่ำ ๆ อ่อนเพลีย ต่อมา 1-2 วัน มีอาการเจ็บปาก อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ร่วมกับมีตุ่มพองเล็ก ๆ บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า ตุ่มแผลในปาก เพดานอ่อน กระพุ้งแก้ม ลิ้น และก้น จากนั้นตุ่มพองจะแตกออกเป็นแผลหลุมตื้น ๆ อาการจะทุเลาลงและหายเป็นปกติภายใน 7-10 วัน แต่หากอาการไม่ดีขึ้น เช่น มีไข้ขึ้นสูง ซึมลง เดินเซ ชัก เกร็ง หายใจหอบเหนื่อย อาเจียนมาก ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจติดเชื้อโรคมือ เท้า ปากชนิดรุนแรง จนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
ทั้งนี้ โรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จะต้องค้นหาเด็กที่อาจป่วยเพิ่มเติมด้วย หากมีเด็กป่วยจำนวนมากอาจต้องพิจารณาปิดชั้นเรียน ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422