ไทยพีบีเอส ยังคงเกาะติดคดีการลักลอบเข้าระบบของกรมการขนส่งทางบก เพื่อไปเปลี่ยนข้อมูลรถก่อนนำไปสวมทะเบียน 65 คัน เสียหายกว่า 77 ล้านบาท โดยสามารถจับผู้ต้องหาได้ 2 คน
แม้ว่า ขณะนี้กรมการขนส่งจะอยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการสอบสวน เจ้าหน้าที่ และยืนยันว่า ข้อมูลที่ผู้ต้องหาเข้าถึงไม่ได้หลุดไปจากเจ้าหน้าที่ แต่ ทีมข่าวไทยพีบีเอส ได้ ข้อมูลว่าหนึ่งในผู้ต้องหา มีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่อย่างผิดสังเกต และเชื่อว่า การก่อเหตุครั้งนี้เป็นไปได้ยากมากที่เจ้าหน้าที่จะไม่มีส่วนรู้เห็น
ทีมข่าวไทยพีบีเอสคลิปวิดีโอนี้ที่บันทึกได้จากจุดตรวจสภาพรถยนต์ ภายในกรมการขนส่งทางบก มีบุคคลภายนอกเข้าไปนั่งใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ภายในบริเวณนี้ได้ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากโต๊ะเจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบก โดยที่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า ชายคนนี้เข้าไปทำธุรกรรมอะไร
ภายหลังที่ตำรวจไซเบอร์ จับนายเสถียร หนึ่งในผู้ต้องหาที่ลักลอบเข้าใช้ระบบเปลี่ยนแปลงข้อมูลรถ นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ยอมรับว่า ผู้ต้องหาคนนี้ เข้าออกภายในขนส่งฯ มากว่า 20 ปี จึงมีความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่ จนเข้าไปใช้รหัสผ่านได้
“เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่าทำมากว่า 20 ปีครับ เขาทำงานในเรื่องการติดต่อจดทะเบียนรถ เดินทะเบียนรถอยู่ ล่าสุดก็เปลี่ยนรหัสพาสเวิร์ดไปแล้ว ซึ่งจริง ๆ แล้วต้องเปลี่ยนทุก 3 เดือนตามระเบียบของกรมฯ แต่ทีนี้ในช่วงที่เขาได้ไป เขาก็ดำเนินการแก้ไขข้อมูลในช่วงนี้” จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก
ทีมข่าวยังได้ภาพจากผู้ที่มาติดต่อราชการภายในขนส่งฯ อ้างว่า เป็นภาพของนายเสถียร ที่เดินเข้าออก ที่นี่ทุกวัน การแต่งกายของชายคนนี้ จะสวมเสื้อแจ็กเก็ตโดยมีตราสัญลักษณ์ ของราชการหน่วยหนึ่งอยู่ที่เสื้อ และแม้แต่รถจักรยานยนต์ของเขา ก็จะมีเลขทะเบียน 9999 ซึ่งเป็นเลขทะเบียนหายาก
"ในแต่ละวันที่เคยเจอเขา เขาก็จะมาคลุกคลีที่โต๊ะของผู้ช่วยช่างตรวจสภาพรถที่มีปัญหาข้อขัดข้อง ที่ตรงอาคารโรงตรวจสภาพรถ เขาสามารถที่จะเดินเข้าออกห้องของเจ้าหน้าที่ได้ทุกจุด เจ้าหน้าที่บางคนยังต้องยกมือไหว้เขาเลย รวมถึงบางครั้งเขาก็จะชอบขี่มอเตอร์ไซต์มาที่จุดตรวจสภาพรถ แต่เห็นบ่อยคนที่เป็นข้าราชการแต่มีความสนิทสนมกับเขา มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเป็นการแฮกข้อมูล ระบบคอมของกรมการขนส่งฯ มันไม่สามารถมีใครเข้าไปแฮกได้หรอก มันมีแต่ว่าคุณจะไปสมยอมกันขนาดไหน แล้วหากคุณไม่มีข้อพิพาทกันขึ้นมา ไม่หักหลังในระบบขึ้นมาเอง เรื่องมันคงไม่แดงขึ้นมา" ผู้ที่พบเห็นผู้ต้องหากล่าว
ชายคนนี้ ยังให้ข้อมูลว่า กลุ่มนี้ทำกันเป็นเครือข่าย โดยมีเจ้าหน้าที่ขนส่งฯ เกี่ยวข้อง ซึ่งนายเสถียร เป็นคนเข้าไปแก้ไขข้อมูลรถ โดยใช้รหัสของเจ้าหน้าที่ตรวจรถยนต์ โดยจะมีนายเอ็ม ที่มีความสนิทสนมกับข้าราชการระดับสูง คอยให้ความช่วยเหลือ และเชื่อว่ามีรถมากกว่า 65 คันที่ถูกเปลี่ยนข้อมูล
“อย่าว่าแต่ 65 คันเลยครับ มันมีมากกว่านั้นเยอะ เป็นร้อยเป็นพันคัน เพียงแต่ว่าที่ตำรวจตรวจสอบเจอเบื้องต้นมันมีแค่นั้น ผู้ต้องหาสนิทกับข้าราชการที่เป็นข่าว ผมไม่รู้จักว่าข้าราชการคนนี้ชื่ออะไร แต่เคยเห็นหน้า เขารู้จักกันมา 20 ปี คุณคิดว่าจะมีรถแค่ 65 คันหรอ ความผิดปกติในการประกอบอาชีพที่ทุจริตมันต้องมีมากกว่านั้นอยู่แล้ว มันอยู่ที่ว่าอธิบดี หรือ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะตรวจสอบได้มากน้อยแค่ไหน” ผู้ที่พบเห็นผู้ต้องหากล่าว
ตามปกติแล้วผู้ที่จะไปตรวจสภาพรถยนต์ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1-3 วัน หรือบางคันอาจนานกว่า 3 เดือน ทำให้กลุ่มของนายเสถียร จะหาลูกค้าทางออนไลน์ และคิดค่าบริการเล่มละ 1-2 ล้านบาท โดยที่ไม่ต้องตรวจสภาพรถ
“ผมสูญเสียแรงงานลูกน้องไปเท่าไร เสียเงินค่าจ้างลูกน้องไปเท่าไร กลับกลายเป็นว่าพวกคุณแก้ไขข้อมูลกันอย่างง่าย ๆ แล้วผ่านการเปลี่ยนสภาพแบบนี้มันเป็นการเอารัดเอาเปรียบ ผมหากินสุจริต ผมซ่อมรถ 1 คัน ใช้เวลา 1-3 เดือน แต่คุณทำงานวันหนึ่งคุณได้ 1 คันแล้ว มันต่างกันโดยสิ้นเชิง แล้วทำแบบนี้ต่อไปรถผิดกฏหมาย หรือรถสวมทะเบียนมันก็เกิดขึ้นทุกวัน แต่กลับกลายเป็นว่าประชาชนไม่รู้ ถ้าไม่เป็นข่าวเรื่องนี้ขึ้นมา” ผู้ที่พบเห็นผู้ต้องหากล่าว
นายเสถียร หลังจากถูกจับแล้ว ถูกดำเนินคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พร้อมกับคนที่จัดหารถยนต์ ก่อนจะถูกส่งศาลและได้รับการประกันตัวไป 25,000 บาท
เบญจพจน์ ทิพย์กมลแสง ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส รายงาน
อ่านข่าวอื่น ๆ
ลอบเข้าระบบกรมขนส่งฯ เปลี่ยนข้อมูลรถสวมทะเบียนขายต่อเล่มละล้าน
"บิ๊กโจ๊ก" เผยเจ้าของโกดังพลุมูโนะขอเข้ามอบตัว ตร.นราธิวาส
ตม.ถอนวีซ่า "ชายสเปน" ผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่เกาะพะงัน
คุมสอบชายชาวสเปน ผู้ต้องสงสัยฆ่าหั่นศพเกาะพะงัน
เปิดเส้นทางนำเข้า พลุ ดอกไม้ไฟ ไทยยืน 1 ASEAN