กรณีที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทิ้งคราบน้ำมันในทะเล จ.ภูเก็ต จนส่งผลกระทบทั้งสิ่งแวดล้อมและด้านการท่องเที่ยว
วันนี้ (9 ส.ค.2566) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า โชคดีที่คราบน้ำมันที่พบไม่มากมาย ถ้าเทียบกับกรณีเรือบรรทุกน้ำมันเกิดน้ำมันรั่วไหลที่ จ.ระยอง ทำให้สามารถกำจัดได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ขณะนี้ได้สั่งการให้กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เร่งสำรวจคราบน้ำมันว่ามาจากแหล่งใด ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบ
จากคลิปเห็นชัดเจนว่าคราบน้ำมัน มาจากเรือที่ให้บริการนักท่องเที่ยวในพื้นที่บริเวณเกาะเต่า และอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติ ทำให้ทส.ไม่สามารถนำกฎหมายไปบังคับใช้กฎหมายได้
นายวราวุธ กล่าวว่า ถ้าหากเกิดในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ทั้งทางบก และทางทะเลทั่วประเทศ จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่ และสั่งห้ามไม่ให้ได้เข้ามาทำธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่อีกเด็ดขาด พร้อมเตือนว่าอย่าเอาความมักง่ายมาทำลายจนส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว
ภาพที่เห็นนักท่องเที่ยวต้องมาล้างคราบน้ำมันออกจากร่างกาย ถือว่าเป็นภาพที่หดหู่เป็นอย่างยิ่ง อย่าทุบหม้อข้าวของตัวเอง
นอกจากนี้ รมว.ทส.กล่าวอีกว่า มองย้อนกลับไปในกรณีของอ่าวมาหยา ที่ได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวที่ใช้ทรัพยากรเกินความเหมาะสม จึงทำให้ต้องปิดอ่าวฟื้นฟูไปหลายปี ส่งผลกระทบให้ประชาชนและผู้ประกอบการเสียผลประโยชน์จึงไม่อยากให้ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทำให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ
ส่วนกรณีที่มีเต่าทะเลตาย จากคราบน้ำมันในครั้งนี้ นายวราวุธ กล่าวว่า กำลังปรึกษากับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ว่ามีตัวบทกฎหมายใดที่จะสามารถเอาผิดกับต้นกำเนิดคราบน้ำมันนี้ได้ ก็จะดำเนินการจนถึงที่สุด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
7 วันแกะรอยคราบน้ำมันปริศนา 3 หาดภูเก็ต ห้ามเล่นน้ำ-พบเต่าเกยตื้น