วันนี้ (22 ส.ค.2566) การประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญ โดยมีการเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งถูกสมาชิกรัฐสภาหลายคนลุกขึ้นอภิปรายถึงคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม โดยเฉพาะในประเด็นที่ "ชูวิทย์" เปิดข้อมูลแสนสิริใช้นอมินีซื้อขายที่ดิน โยง "เศรษฐา"
ต่อมาเวลา 14.50 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชี้แจงข้อสงสัยแทน "เศรษฐา ทวีสิน" บุคคลผู้ได้รับการชื่อแต่งตั้งเป็นนายกฯ ว่า หลายคนให้ความห่วงใยเรื่องคุณสมบัติความซื่อสัตย์สุจริต การปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม ซึ่งหลายคนเห็นว่าเกี่ยวข้องกับการประกอบอาชีพขณะเป็นผู้บริหารบริษัทอสังหริมทรัพย์
ยัน "เพื่อไทย" ตรวจสอบคุณสมบัติ "เศรษฐา"
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในฐานะพรรคเพื่อไทย ให้ความสำคัญการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ยืนยันว่า ไม่ได้ละเลย เพราะเป็นความรับผิดชอบต่อประชาชนและบ้านเมือง ทั้งข้อสงสัยเรื่องข้อกฎหมาย ข้อกล่าวหาเลี่ยงภาษี และใช้นอมินี โดยขอบคุณผู้ที่นำเรื่องนี้มาเปิดเผย
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้ตรวจสอบข้อกฎหมายทุกอย่าง รวมทั้งจริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ยืนยันว่า ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ไม่มีข้อเท็จจริงใดที่บ่งชี้ว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย มีเพียงข้อกล่าวหา จึงถือว่านายเศรษฐาเป็นผู้บริสุทธิ์ และมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
ไม่มีหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่านายเศรษฐา เป็นผู้ที่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีแต่ข้อกล่าวหาที่โน้มเอียงเอาหลักฐานประกอบธุรกิจมากล่าวอ้าง ลักษณะเชื่อมโยงกัน ไม่สามารถพิสูจน์ได้
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ประเด็นที่ผ่านมาเรื่องที่พูดคุยในสภา สมาชิกหลายคนอาจจะแสดงความเห็นในฐานะพรรคการเมืองว่าไม่สามารถให้ความเห็นชอบนายเศรษฐา ดำรงแหน่งนายกฯ ไม่ใช่เรื่องคุณสมบัติ แต่เป็นเรื่องจุดยืนทางการเมืองและพฤติกรรมในการจัดตั้งรัฐบาล และขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยเคารพประชาชนทุกเสียง ขีดเส้นใต้ว่าทุกเสียง ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2 ทศวรรษขัดแย้ง ไม่อยากให้เกิดความสูญเสียอีก
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในช่วง 2 ทศวรรษที่มองต่าง และ สส.ทั้ง 499 คน ล้วนมาจากการเลือกตั้ง ทุกคนเป็นปวงชนชาวไทยและเขาเหล่านั้นเป็นผู้ให้สิทธิเสียงในระบบตัวแทน เป็นตัวแทนในระบอบประชาธิปไตย จริงอยู่ที่พฤติการณ์พฤติกรรมแบ่งแยกทางความคิด แต่ความคิดของคนในชาติบ้านเมืองใน 2 ทศวรรษต่างกันอย่างสิ้นเชิง มีการต่อสู้ กลุ่มเสรีประชาธิปไตยก็แบบหนึ่ง กลุ่มอนุรักษฺยนิยมก็อีกแบบหนึ่ง มีความแตกต่างขัดแย้งต่อสู้ทางอุดมการณ์
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทย พลังประชาชน ผ่านเรื่องนี้มาอย่างเจ็บปวด และคนที่เจ็บปวดที่สุดคือประชาชน ถามว่าเราต่อสู้แล้วได้อะไรเห็นความย่อยยับ ความสูญเสีย เพราะมีแต่ความคิดต่างกันแต่แยกกันเดิน โดยพื้นฐานความเชื่อที่ต่างกัน แต่ถ้ายังมีพฤติการณ์สุ่มเสี่ยง ย่อมมีการต่อสู้ และทำลายล้าง ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อีก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
โหวตนายกฯ รอบ 3 : “วิวรรธน์” แฉ สว.รับกล้วยแลกโหวตนายกฯ
โหวตนายกฯ รอบ 3 : "ชัยธวัช" อภิปรายย้ำ "กก." ไม่โหวต 'เศรษฐา' นายกฯ เหตุ รบ.ข้ามขั้วขัดเจตจำนงปชช.
โหวตนายกฯ รอบ 3 : "วันนอร์" ฉุน สส.ก้าวไกล กล่าวหาวางตัวไม่เป็นกลาง