จบดรามา "ปังชา" เจ้าของร้านดังรับ "ใครๆ ก็ใช้ได้"

เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2566 นายวีระชาติ ไอยรากาญจนาศักดิ์ เจ้าของร้าน "ปังชา" ในเขตเทศบาลนครเชียงราย ระบุว่า เมื่อคืนมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ เกือบ 200 คน เพิ่มขึ้นจากเดิม 3 เท่าตัว เชื่อว่าหลายคนต้องการมาให้กำลังใจ หลังได้รับหนังสือเตือนจากร้านขนมเจ้าใหญ่ในกรุงเทพฯ เรียกค่าเสียหาย 102 ล้านบาท

ล่าสุด บริษัทเอกชน ที่เป็นเจ้าของร้านขนมเจ้าใหญ่ ส่งหนังสือเพื่อติดต่อขอโทษแล้ว แต่ยังไม่ได้ตอบกลับ หรือ นัดหมายพูดคุย เพราะยังอยู่ระหว่างปรึกษาทนายความ ยอมรับถ้าเรียก 102 ล้านบาทจริง คงไม่มีเงินจ่าย และอยากให้ทุกฝ่ายชี้แจง เพื่อเป็นกรณีศึกษา

ด้าน น.ส.ปัณณ์ปรุฬห์ กาญจนโสรัตน์ เจ้าของร้าน "ทางช้างเผือก" ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ได้รับหนังสือเตือนจากร้านใหญ่เช่นกัน เรียกเงิน 700,000 บาท เล่าว่า เพิ่งเปิดร้านขายชาและนมสดได้ไม่ถึง 2 เดือน แต่กลับได้รับหนังสือแจ้งให้ยุติการกระทำ ที่ละเมิดลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้า รู้สึกตกใจมาก จึงตัดสินใจลอกสติกเกอร์ข้อความคำว่า "ปังชา" ออกจากป้ายหน้าร้าน และลบเพจของร้าน ที่ติดแฮชแท็ก คำว่า "ปังชา" ออกด้วย โดยกำลังปรึกษาผู้รู้ด้านกฎหมาย ว่าจะฟ้องกลับหรือไม่

อ่าน : "ปังชา" จดลิขสิทธิ์ โซเชียลถาม "บิงซู - น้ำแข็งไสชาไทย" ขายต่อได้มั้ย ?

DIP ยืนยัน "ปังชา" ใช้ได้ทุกคน

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา อธิบายว่า "ร้านลูกไก่ทอง" จดทะเบียนกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา 2 อย่าง คือ

1. "เครื่องหมายการค้า" ซึ่งหมายถึง "โลโก้" รูปลูกไก่ (ที่เห็นคล้ายตัว g) และคำว่า "Pang Cha" ภาษาอังกฤษ ที่อยู่ในโลโก้ หมายความว่า ผู้ประกอบการเจ้าอื่นจะนำโลโก้ และ คำว่า PangCha ทั้งรูปแบบนี้ไปใช้ไม่ได้ รูปลูกไก่อย่างเดียวก็ไม่ได้ แต่คำว่า "ปังชา" คำเดียว ใครก็ใช้ได้ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
2. "ภาชนะ หรือ ชาม" จดสิทธิบัตรออกแบบ ร้านอื่นสามารถขายน้ำแข็งใสชาไทยได้ แต่ห้ามใช้ภาชนะแบบนี้

ผู้ประกอบการรายอื่นไม่สามารถนำรูปภาพรวม ที่มีรูปลูกไก่และคำว่าปังชา ไปใช้ได้
แต่คำว่า ปังชา คำเดียว ใครก็ใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ

อ่าน : เรื่องน่ารู้! "เครื่องหมายการค้า" เช็กขั้นตอนตรวจสอบไม่ให้ซ้ำคนอื่น

เจ้าของร้าน "ลูกไก่ทอง" ขอโทษ รับสื่อสารผิดพลาด

ทางด้านเจ้าของร้านลูกไก่ทอง ให้สัมภาษณ์ ทางช่อง 3 ยืนยันว่า คำว่า "ปังชา" ทุกคนใช้ได้  ใครก็ใช้ได้ ร้านไม่ได้จองเป็นของตัวเองคนเดียว และหลังจากนี้จะไม่มีการยื่นหนังสือเตือน หรือ โนติส อีก

เหตุผลที่เรียกค่าเสียหายไป 102 ล้านบาท เป็นเรื่องเครื่องหมายการค้าเพราะดูแบบมาจากต่างประเทศ ที่ผ่านมาเห็นแบรนด์ไทยถูกต่างชาตินำไปใช้ จึงกลัวต่างชาตินำไปใช้ ยืนยัน ไม่มีเจตนาฟ้องใคร และ ไม่สามารถฟ้องร้องได้ และตอนนี้เศร้ามาก ที่ทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อน อยากจะขอโทษเจ้าของร้านปังชาที่ จ.เชียงราย และ จ.สงขลา ด้วยตัวเอง และอยากขอโทษประชาชน ยืนยันว่า เป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน

อ่าน : เรียกร้อยล้าน! เจ้าของร้าน "ปังชา" เรียกร้องความเป็นธรรม

กรมทรัพย์สินทางปัญญา แนะนำช่องทาง สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับโนติส หรือมีข้อพิพาทเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญา สามารถปรึกษาได้ที่ ศูนย์ให้คำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญาและนวัตกรรม และสำนักป้องกันและระงับทรัพย์สินทางปัญญา ที่ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยคู่กรณี

ขณะที่สื่อสังคมออนไลน์ตั้งข้อสังเกตถึงผลิตภัณฑ์บางอย่างของร้านที่เป็นข่าว มีโลโก้ เป็นรูปผู้หญิงชุดไทย คุณพีรมณฑ์ ชมธวัช หรือ ครูบิ๊ก ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องแต่งกายไทยโบราณ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ ภาพโลโก้ผู้หญิงใส่ชุดไทย ที่วาดด้วยลายเส้น ของร้านที่เป็นข่าว คล้ายภาพจากปฏิทิน ปี 2550 ที่ครูบิ๊กเป็นผู้ออกแบบชุดไทย และจัดวางท่าทาง ของนางแบบ

เฟซบุ๊ก : พีรมณฑ์ ชมธวัช

แต่เจ้าของร้าน ชี้แจงว่า ได้ว่าจ้างน้องคนหนึ่ง วาดลายเส้นขึ้นมา ขอไปตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง

ปฏิเสธไม่ได้ว่า กระแสดรามาที่เกิดขึ้น มีผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ เพจ "ไก่ทอง ออริจินัล-Kaithong Original" โพสต์ย้ำว่า ร้านไก่ทอง ออริจินัล และ ร้านลูกไก่ทอง ไม่ใช่ร้านเดียวกัน ไม่มี ความเกี่ยวข้องในการตัดสินใจและการดำเนินการใดๆทั้งทางธุรกิจและการบริหารทั้งสิ้น

เฟซบุ๊ก : ไก่ทอง ออริจินัล - Kaithong Original