และแล้ว “บิ๊กอ๊อบ” พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ก็ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) หลังจากนั่งเป็นรอง ผบ.ทสส.มาก่อน ว่าไปแล้ว เส้นทางรับราชการของ พล.อ.ทรงวิทย์ ที่มีบิดา “บิ๊กตุ๋ย” พล.อ.อิสระพงษ์ หนุนภักดี มีความต่างและเหมือนตรงที่ทั้งคู่ เรียนโรงเรียนเตรียมทหาร โดย พล.อ.อิสระพงษ์ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 5
แต่ พล.อ.ทรงวิทย์ เข้าเรียนโรงเรียนเตรียม ทหารรุ่นที่ 24 แต่เรียนได้ไม่ถึงเดือน จึงไปไปสอบเข้าโรงเรียนทหารบกที่เวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา หรือนายร้อย VMI (Virginia Military Institute) ทำให้ไม่ได้จบโรงเรียนนายร้อย จปร.
ด้วยเหตุนี้ทุกครั้งที่มีการปรับ หรือขยับตำแหน่งจึงทำให้เส้นทางของ “บิ๊กอ๊อบ” พล.อ.ทรงวิทย์ ไม่ได้ราบรื่นดังที่ควรจะเป็น เนื่องจากมักจะถูกข้อครหาว่า เติบโตมาได้เพราะระบบอุปถัมป์
สำหรับเส้นทางการเติบโตของ พล.อ.ทรงวิทย์ เคยดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกรม ร.11 รอ. และก่อนเป็น ผบ.พล.1 รอ. คุมกำลังรบกองทัพภาคที่ 1 จากนั้นจึงขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 รองเสนาธิการทหารบก หัวหน้าคณะนายทหารฝ่าย เสธ.ประจำ ผบ.ทบ. ก่อนจะย้ายไปกองบัญชาการกองทัพไทย เป็น รอง ผบ.ทสส. และขึ้นเป็น "ผบ.ทสส."
ปฎิเสธไม่ได้ว่า ช่วงเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองและชุมนุมของกลุ่ม กปปส. “บิ๊กอ๊อบ” พล.อ.ทรงวิทย์ ขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ร.11 รอ. ได้นำกำลังไปช่วยนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ตกอยู่ในวงล้อมการปะทะ รวมทั้งได้เข้าช่วยเหลือนักข่าวที่ติดอยู่ในป้อมตำรวจจากเหตุปะทะบริเวณแยกหลักสี่
และยังเคยลงพื้นที่ไปปฏิบัติราชการสนามในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในตำแหน่งผู้บังคับกองพัน ผบ.ร.11 พัน 3 รอ. และเป็น ผบ.ฉก.เพชราวุธ
นอกจากนี้ พล.อ.ทรงวิทย์ ยังมีความโดดเด่นด้านภาษา การทหาร งานวิชาการอีกด้วย ทั้งนี้ก่อนจะขึ้นเป็นผบ.พล.1 รอ. คุมกำลังรบกองทัพภาคที่ 1 และเป็นทหารคอแดง ใน ฉก.ทอ.รอ.904 แม้ไม่ได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 แต่ก็ติดยศพลโท ในตำแหน่งรอง เสธ.ทบ. และหัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสธ.ประจำ ผบ.ทบ. ตำแหน่งสุดท้าย
ก่อนถูกโยกมาเป็น รอง ผบ.ทสส. และเป็น ผบ.ทสส.ในที่สุด