คราบน้ำมันดิบรั่วจากโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ กลางทะเลชลบุรี ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา คุมได้แล้ว ไม่รุกล้ำขยายพื้นที่มายังเกาะสีชัง เช่นเดียวกับรัฐบาลเพื่อไทยภายใต้การนำ “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน ที่สามารถเขย่าทุกเสนาบดีทุกกระทรวงลงตัวจนสามารถเรียกประชุม ครม.นัดพิเศษ ได้ในวันพรุ่งนี้ (6 ก.ย)
หลังจากเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ เศรษฐา ได้นำทีม ครม.ร่วมถ่ายรูปที่หน้าทำเนียบ โดยระบุว่า จะน้อมนำกระแสพระราชดำรัสของในหลวง มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติราชการ
“....รัฐบาลนี้จะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข็มแข็ง มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ภายใต้หลักการมีส่วนร่วมของประชาชน”
โดยวันที่ 8 ก.ย.นี้ นายกฯนิด ระบุว่า จะลงพื้นที่ จ. ขอนแก่น อุดรธานี และ หนองคาย เพื่อพูดคุยและรับฟังปัญหาของประชาชน ก่อนจะแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันที่ 11 ก.ย.นี้
ส่วน “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ครบรอบวันเกิด 43 ปี เข้าร่วมประชุมพรรคด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส สวมเสื้อลายดอกสีส้ม ท่ามกลางแฟนคลับรออวยพรวันเกิด ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง
ด้านผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ประเดิมงานแรก ควง 2 รมช.ลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช แก้ปัญหาเฉพาะหน้าราคามังคุดตกต่ำ โดยตั้งจุดรับซื้อระบายมังคุด 10,000 ตัน หวังลบภาพชาวบ้านนำมาเทกระจาดทิ้ง
แต่สำหรับ “ไผ่ ลิกค์” สส.กำแพงเพชร รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ครั้งนี้ไม่มีชื่อในโผ รมช.พาณิชย์ ร.อ.ธรรมนัส ย้ำชัดว่า ไม่ทิ้ง และยังจองเก้าอี้เว้นว่างไว้รอ จนกว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาคุณสมบัติแล้วเสร็จ
ต่างจาก พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย หรือ “ผู้กองหนุ่ย” รอง ผบก.กลุ่มงานผู้เชี่ยวชาญการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ที่คัมแบคกลับมาทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง ในรอบ 9 ปี ตำแหน่งอารักขาดูแลความปลอดภัย “นายกฯนิด” หลังเคยเป็น นายตำรวจติดตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 22 พ.ค.2557
แรงไม่แผ่ว เมื่อ ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความทวงว่า
...จนถึงตอนนี้ มีคนจำนวนมากตั้งคำถามและไม่เห็นด้วยกับกรณีคุณทักษิณ โดยเฉพาะเรื่องมาตรฐานที่เท่าเทียมกัน และการตกลงเจรจาต่างๆ เพียงแต่ว่ามีการแสดงออกมากน้อยต่างกันไป
...เพื่อลดทอนการตั้งคำถามเรื่องความไม่เสมอภาค และเพื่อความปรองดองอย่างแท้จริงและเท่าเทียม รัฐบาลเศรษฐา และพรรคการเมืองในสภา ควรเร่งผลักดันให้มีการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมคดีเกี่ยวกับการแสดงออกทางการเมืองของประชาชนทุกฝักฝ่าย ทั้งพันธมิตรฯ นปช. กปปส. และกลุ่มเยาวชน และ “ราษฎร” ตั้งแต่ปี 48 จน ถึงปัจจุบัน
เพื่อเป็นก้าวแรกของการก้าวข้ามขัดแย้งที่แท้จริง สร้างความปรองดองสมานฉันท์ และเกิดประโยชน์ตกแก่ประ ชาชนคนธรรมดา นอกจากนี้ ยังทำให้ประชาชนลดข้อครหาที่มีต่อรัฐบาลเศรษฐา และพรรคเพื่อไทยในประเด็นเกี่ยวกับบ่อเกิดของการตั้งรัฐบาลชุดนี้ได้อีกด้วย”
ปิดท้ายที่ สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ซึ่งจะเข้าปฏิบัติงานวันแรกที่กระทรวงวันที่ 13 ก.ย.นี้ แม้จะเป็นรัฐมนตรีที่มาจากพลเรือน แต่ “บิ๊กทิน” บอกว่าจะไม่ทำให้กองทัพ และประชาชนผิดหวัง
ส่วนเรื่องการจัดยุทโธปกรณ์ของเหล่าทัพ เช่น การจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ ทดแทน F-35 ของกองทัพอากาศ ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลพอแต่คิดว่า ในวันที่เข้าไปทำงานทางเหล่าทัพคงมีข้อมูลมาเสนอ มาอธิบาย หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณา
รมว.กลาโหม ป้ายแดง ยังบอกอีกว่า เรื่องการส่งเจ้าหน้าที่จากศูนย์บัญชาการรักษาความปลอดภัยมาดูแลความปลอดภัยให้ถือเป็นหน้าที่ของเขา แต่ได้กำชับไปว่าเอาที่จำเป็น ซึ่งมองว่าก็ไม่ได้มีความจำเป็นอะไร เพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใกล้ชิดคอยติดตามระหว่างลงพื้นที่อยู่แล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
"บิ๊กทิน" ลั่นไม่ทำให้กองทัพผิดหวัง พลเรือนบริหารกลาโหม
"พัชรวาท" ลั่นไม่ยึด พปชร. เผย "บิ๊กป้อม" ไม่ได้ฝากอะไรเรื่องงาน