จบศึกซักฟอกนโยบายรัฐบาลไปหมาดๆ และ ครม.ใหม่ต่างเอาตัวรอดสบายๆ ไร้กังวล โดยเฉพาะ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ได้ใจข้าราชการทั่วประเทศถ้วนหน้า ไม่น้อยไปกว่า 30 บาทรักษาทุกโรคในอดีต เมื่อแจ้งว่ารัฐจะปรับเปลี่ยน ให้มีการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ จากเดือนละหนึ่งรอบ เป็นเดือนละสองรอบ เพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับข้าราชการชั้นผู้น้อย ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน และไม่ต้องคอยจนถึงสิ้นเดือน กำหนดวันดีเดย์แน่นอน 1 ม.ค.2567
ส่วนเจ้าของรหัสเรียกขาน “สนามไชย 1” สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถือฤกษ์วันที่ 13 ก.ย.เข้าทำงานวันแรก เป็น รมว.สายมู หรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่ตามธรรมเนียมไทย ได้ไปไหว้ศาลหลักเมืองก่อนจะเดินทางเข้าไปยังกระทรวงกลาโหมในเวลา 13.13 น.
โดยมี “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ถูกเสนอชื่อเป็นเลขานุการ รมว.กลาโหม และ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา อดีตเลขาธิการ สมช. ที่ปรึกษาฯ รมว.กลาโหม และว่าที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการเหล่าทัพคนปัจจุบัน คอยรอรับ
อีกคนคือ “รัฐมนตรีปุ๋ง” สุดาวรรณ หนุนสุภกิจโกศล รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลูกสาว “กำนันป้อ” วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล แม้จะเป็นมือใหม่ป้ายแดง แต่ตอบคำถามคล่องแคล่ว ไม่แพ้รัฐมนตรีมืออาชีพรุ่นพี่
หลัง ครม.มีมติเห็นชอบยกเว้นการยื่นวีซานักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานเป็นระยะเวลา 5 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 66 ถึงเดือน ก.พ.67 โดยเฉพาะข้อดีของการยกเว้นการยื่นวีซานักท่องเที่ยวจีน คือ จะทำให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคาซัคสถาน
มาที่พรรครวมไทยสร้างชาติ แม้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี จะวางมือทางการเมืองไปจับแฮนด์รถจักรยานปั่นรอบบ้านพักในค่ายทหาร
แต่ “พี่ตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ ยังมีไฟ ล่าสุดเฟซบุ๊ก แจ้งข่าวดี ครม.เห็นชอบกำหนดราคาดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท ส่วนเบนซินจะคุมค่าการตลาดไม่ให้เกิน 2 บาทต่อลิตร และจะเตรียมปรับลดเบนซินให้กลุ่มเปราะบางใช้ประกอบอาชีพ พร้อมปรับลดค่าไฟลง 30 สต.และตรึงราคาก๊าซหุงต้มขนาดถัง 15 กก.เหลือ 423 บาท
รัฐมนตรีพีระพันธุ์ ยังตบท้ายว่า ทั้งหมดนี้ไม่เพียงเป็นนโยบายของพรรค รทสช. เท่านั้น แต่เผอิญตรงกับนโยบายของนายกรัฐมนตรี จึงดำเนินการให้เป็นจริงได้อย่างรวดเร็ว ...ว่าเข้านั่น
ไม่ได้มาบ่อย นานๆ มาที “องอาจ คล้ามไพบูลย์” รักษาการรองหัวหน้าพรรค ปชป.ค่ายสีฟ้า แม้จะเป็นฝ่ายค้านแต่ก็ให้กำลังใจผู้ทำหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายในการอภิปรายนโยบายใน 2 วันที่ผ่านมาว่า ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน สอบผ่านทั้งคู่
สส.ฝ่ายค้านส่วนมากทำการบ้านมาดีพอสมควร มีข้อมูลประกอบการอภิปรายทำให้มีน้ำหนักน่าสนใจ น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะผู้อภิปรายหน้าใหม่ ของ สส.สมัยแรกของฝ่ายค้านมีดาวรุ่งแจ้งเกิดหลายคน คือ สส.ร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.สรรเพชญ บุญญามณี สส.พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์
ส่วนฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ลุกขึ้นชี้แจงประเด็นต่างๆ ที่ฝ่ายค้านหยิบยกขึ้นมานำเสนอต่อที่ประชุมก็ถือว่าชี้แจงได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงกับน่าสนใจมากนักในเชิงเนื้อหาสาระ แต่ก็ถือว่าสอบผ่าน และทำให้การอภิปรายน่าสนใจ
ปิดท้ายคดียื่นยุบ 3 พรรคเมือง หลังจาก “ณฐพร โตประยูร” ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีพรรคก้าวไกล พรรคประชาชาติ และพรรคเป็นธรรม ความพยายามในการพยายามในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
โดยเฉพาะในหมวด 1 และหมวด 2 และมีส่วนร่วมในกิจกรรมของบุคคลและกลุ่มคนที่มีอุดมการณ์หรือแนวคิดในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ โดยสนับสนุนให้ดินแดนอันเป็นเขตอธิปไตยของราชอาณาจักรมีสิทธิปกครองตัวเองหรือแยกตัวเป็นเอกราชในลักษณะของการแบ่งแยกดินแดน ตามมาตรา 49 หรือไม่
ล่าสุด ศาล รธน.ตีตกคำร้องยุบ 3 พรรคการเมืองดังกล่าว เนื่องจากไม่พบหลักฐานเข้าข่ายเคลื่อนไหวล้มล้างปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่ จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
"พริษฐ์" ซัด "เศรษฐา" เติม ก. จากนายเป็นนายกฯ จุดยืนเปลี่ยนราวฟ้ากับเหว
สส.ก้าวไกลชง 5 ข้อโมเดลแก้ไฟป่า-ฝุ่นควันทั้งโครงสร้าง
"ก้าวไกล" ใส่ชุดไรเดอร์ทวงค่าแรงกลางสภา "หมอพรทิพย์" แชะภาพสว.